งานแสดงสินค้านำเข้าและส่งออกของจีน หรือ งานแคนตันแฟร์ (Canton Fair) ครั้งที่ 132 เริ่มต้นขึ้นแล้วในรูปแบบออนไลน์ โดยมีพิธีเปิดงานเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา

 

ทั้งนี้ มีการอัปโหลดสินค้าเพื่อจัดแสดงในงานมากเป็นประวัติการณ์ถึง 3.31 ล้านรายการ โดยเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจ "แคนตันแฟร์ แบ่งปันทั่วโลก" (Canton Fair, Global Share) ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงผลิตภัณฑ์อัจฉริยะมากกว่า 140,000 รายการ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและคาร์บอนต่ำมากกว่า 540,000 รายการ ตลอดจนผลิตภัณฑ์อีกกว่า 280,000 รายการที่จดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา

 

งานแคนตันแฟร์ครั้งล่าสุดนี้ยังได้ขยายขอบเขตของผู้แสดงสินค้า โดยดึงดูดบริษัท 34,744 แห่งเข้าร่วมแสดงสินค้า ซึ่งเพิ่มขึ้น 40% จากงานครั้งที่ผ่านมา ทั้งยังประกอบไปด้วยผู้แสดงสินค้าจาก 34 ประเทศ รวม 416 ราย งานออนไลน์ครั้งนี้ยังเป็นแหล่งรวมบริษัทคุณภาพที่มีทั้งจุดแข็งด้านการแข่งขันและคุณสมบัติที่โดดเด่น ซึ่งรวมถึงธุรกิจแบรนด์ดัง 2,094 ราย และบริษัทมากกว่า 3,700 รายที่ได้รับการรับรองจากทางการ เช่น บริษัทไฮเทคแห่งชาติ (National Hi-tech Enterprises), บริษัทเก่าแก่ทรงคุณค่าของจีน (Time-honored Chinese Enterprises), ศูนย์เทคนิคแห่งชาติ (National Enterprise Technical Center) และผู้ประกอบการระดับมาตรฐาน AEO (Authorized Economic Operator) โดยศุลกากรจีน

 

นายหวัง เหวินเทา (Wang Wentao) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จีน และนายหวัง เว่ยจง (Wang Weizhong) ผู้ว่าการมณฑลกวางตุ้ง เข้าร่วมพิธีเปิดงานและกล่าวสุนทรพจน์ผ่านทางวิดีโอ โดยนายหวัง เหวินเทา กล่าวว่า "ด้วยขอบเขตที่กว้างขึ้นของผู้แสดงสินค้า การขยายระยะเวลาของงานแสดงสินค้าออนไลน์ ฟังก์ชันเว็บไซต์ที่สมบูรณ์แบบ และกิจกรรมส่งเสริมการค้าที่เข้มข้น งานแคนตันแฟร์ ครั้งที่ 132 จะสร้างประสบการณ์การซื้อและขายที่สะดวกสบาย ตอบโจทย์ธุรกิจและผู้ค้าในทุกภูมิภาคของโลก"

 

นอกจากการจัดแสดงสินค้าแล้ว ภายในงานยังประกอบไปด้วยกิจกรรมสนับสนุนอีกมากมาย ซึ่งรวมถึงงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ทางออนไลน์ 200 รายการ การเสวนา 10 รายการ ครอบคลุม 6 หัวข้อหลัก เช่น เศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ การเสริมอำนาจทางดิจิทัล ฯลฯ และกิจกรรมไลฟ์สด "Discover Canton Fair with Bee and Honey" จำนวน 8 รายการ

 

สำหรับความพิเศษของงานในครั้งนี้ ได้แก่ โซนจัดแสดงที่มีชื่อว่า "การส่งเสริมการฟื้นฟูชนบท" (Rural Vitalization) เพื่อเปิดโอกาสให้บริษัทในพื้นที่ที่เคยติดอันดับยากจนมาก่อน มีช่องทางในการพัฒนาตลาดต่างประเทศ โซนนี้เปิดกว้างสำหรับทุกบริษัทที่มาจากภูมิภาคที่ในอดีตเคยด้อยพัฒนา โดยไม่มีข้อจำกัดด้านปริมาณและไม่มีเงื่อนไขมากำหนด เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของนโยบายบรรเทาความยากจน

 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของงานและโอกาสทางธุรกิจ สามารถเข้าชมได้ที่

 

อ้างอิงจาก : RYT9.com