นางอัจฉราวรรณ วจนานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายตัวแทนการขายและหาผู้เช่าธุรกิจค้าปลีก คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เปิดเผยว่า คอมมูนิตี้ มอลล์จะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นหลังจากเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ในไทย เนื่องจากเจ้าของโครงการหลายรายหันมามองหาทำเลในย่านที่ไม่เคยพิจารณามาก่อน เพื่อให้เข้าถึงแหล่งชุมชนได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
 

“เมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น น้ำท่วม ประชาชนต้องการสถานที่ซื้อสินค้าใกล้บ้าน ที่สามารถพักผ่อนหย่อนใจได้พร้อมๆ กัน” อย่างไรก็ตาม การสร้างคอมมูนิตี้ มอลล์จากนี้ไปจำเป็นต้องคำนึงถึงความสูงของอาคารชั้นล่างสุดเนื่องจากต้องเข้าออกได้ตลอดเวลา ต้องมีอุปกรณ์ไฟฟ้าและประปาสำรองเตรียมไว้ ขณะที่บางแห่งต้องคำนึงถึงบริการพิเศษโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับบริเวณทำความสะอาดและสุขอนามัย เพราะแม้แต่ในช่วงฝนตกหนักก็อาจเกิดปัญหาได้
 

 

 นางอัจฉรากล่าวว่า สำหรับทิศทางค้าปลีก ช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ มีอัตราขยายตัวต่ำ เปิดตัวประมาณ 1.1 หมื่น ตร.ม. ในจำนวนนี้เป็นคอมมูนิตี้ มอลล์ 1 แห่ง อย่างไรก็ตามคาดว่าปลายปีค้าปลีกจะมีพื้นที่เปิดบริการเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับฤดูกาลขาย โดยโครงการที่มีกำหนดแล้วเสร็จคือ เทอร์มินัล 21 เซ็นทรัลพระราม 9 นอกจากนั้นเซ็นทรัล เวิลด์ จะเปิดให้บริการครบทุกส่วน
 

"อัตราค่าเช่าพื้นที่เพิ่มสูงขึ้นประมาณ 0.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และอัตราการครอบครองเพิ่มขึ้นประมาณ 0.2% ในช่วงเวลาเดียวกัน"

 
ด้าน นายปฏิมา จีระแพทย์ กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า ปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้น ยังแสดงให้เห็นถึงปัญหาการกระจายสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ต โดยบางแห่งสินค้าหมด ขณะที่บางแห่งยังมีสินค้า ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่ผู้ค้าปลีกจะต้องดำเนินการแก้ไข ซึ่งรวมถึงความจำเป็นต้องมีคลังหลายๆ แห่ง คลังสินค้าตั้งอยู่บนพื้นที่สูงและเชื่อมต่อกับทางยกระดับได้ง่าย และยังต้องการเสนอให้รัฐบาลตั้งศูนย์คลังสินค้าฉุกเฉินเพื่อจัดเก็บสินค้าที่ไม่เสียง่าย เช่น น้ำดื่มบรรจุขวดและอาหารกระป๋อง 

 
"เอกชนและภาครัฐต้องให้ความสำคัญกับแผนสำรอง ไม่เพียงแต่เตรียมรับสถานการณ์น้ำท่วม แต่ยังต้องเตรียมตัวสำหรับสถานการณ์ภัยพิบัติอื่นๆ  ที่อาจเกิดขึ้น เช่น แผ่นดินไหว เป็นต้น" นายปฏิมากล่าว
 
อ้างอิงจาก   เกาะติด วิกฤตน้ำท่วม 2554