แดรี่ควีน ลุยขายแฟรนไชส์ขยายฐาน

นายชุมพจน์ ตันติสุนทร รองกรรมการและกลุ่มผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาทางไมเนอร์ฯจะเป็นผู้บริหารจัดการสาขาแดรี่ ควีน แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย แต่จากการที่บริษัทมีเป้าหมายจะขยายสาขาของแดรี่ ควีนให้ได้ 500 แห่งภายใน 5 ปี จึงได้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยเข้ามาร่วมเป็นแฟรนไชซี เพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้น

สำหรับไอศกรีมแดรี่ ควีน นอกจาก จะเป็นการขยายฐานผู้บริโภคแล้ว การเพิ่มจำนวนสาขาไปยังสถานที่อื่นๆ นอกจากห้างสรรพสินค้า เป็นการเพิ่มช่องทางให้กับผู้บริโภคในการเข้าถึงสินค้า และบริการ ด้วย ซึ่งการจะขยายสาขาให้ได้มากและเร็วที่สุด ธุรกิจแฟรนไชส์จึงถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด โดยในสหรัฐฯ และแคนาดา แดรี่ ควีน จะบริหารงานในลักษณะแฟรนไชส์รายย่อย เพื่อหาคู่ค้าทางธุรกิจ ขณะที่เมืองไทยไมเนอร์ฯจะเป็นผู้ดูแลทั้งหมด

“ตลอด 14 ปีที่ผ่านมา ไทยถือเป็นประเทศที่มีการเติบโตเร็วที่สุด จากทั้งหมด 21 ประเทศ และถือเป็นประเทศที่มีสาขามากที่สุดในเอเชีย โดยที่ผ่านมาไมเนอร์ฯจะเป็นผู้บริหารจัดการสาขาแต่เพียงผู้เดียว แต่เพื่อรักษาตำแหน่งผู้นำตลาด ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟของเมืองไทย มีการขยายสาขาตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ กว่า 220 แห่งทั่วประเทศ จึงได้ตัดสินใจขายแฟรนไชส์ให้กับผู้ประกอบการรายย่อย”

ด้านนายอรรถ ประคุณหังสิต ผู้จัดการทั่วไปธุรกิจแฟรนไชส์ บริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยเข้าร่วมเป็นแฟรนไชซีสำหรับไอศกรีม แดรี่ ควีนนั้น นอกจากจะเป็นการขยายฐานผู้บริโภคแล้ว การเพิ่มจำนวนสาขาไปยังสถานที่อื่นๆ นอกจากภายในห้างสรรพสินค้าจะเป็นการเพิ่มช่องทางให้กับผู้บริโภค ในการเข้าถึงสินค้าและบริการด้วย ซึ่งการจะขยายสาขาให้ได้มาก และเร็วที่สุดนั้น ธุรกิจแฟรนไชส์ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด โดยในปีที่ผ่านมาไมเนอร์ฯได้รับรางวัลมาตรฐานคุณภาพแฟรนไชส์ยอดเยี่ยมประจำปี 2552

สำหรับสาขาแดรี่ ควีนของแฟรนไชซีนั้น ทางบริษัทมีแผนจะขยายสาขาไปตามจังหวัดต่างๆ โดยในปีนี้จะเริ่มที่กลุ่ม จังหวัดทางภาคใต้ หลังจากนั้นจะขยายไปยังภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เหนือ และภาคตะวันออก แต่สำหรับในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลนั้น จะยังเป็นการขยายสาขาโดยไมเนอร์ฯ โดยขนาดของร้านสาขานั้นจะต้องใช้พื้นที่ตั้งแต่ 15-20 ตารางเมตร

โดยแฟรนไชซีที่สนใจร่วมลงทุนกับบริษัท ในแบรนด์แดรี่ ควีน นอกจากจะต้อง มีเงินทุนสำหรับการซื้อแฟรนไชส์จำนวน 2 ล้านบาทแล้ว ยังจะต้องมีทำเลที่ตั้งที่เหมาะสม รวมทั้งความพร้อมในเรื่องบุคลากร ซึ่งทางไมเนอร์ฯจะอำนวย ความสะดวกในการฝึกอบรมพนักงานประจำ ร้าน เพื่อให้มีมาตรฐานเดียวกันกับ แดรี่ ควีนร้านอื่นๆ ทั่วประเทศไทย และทั่วโลก

ทั้งนี้ จากการเก็บข้อมูลการตลาด และโอกาสในการขยายธุรกิจลักษณะแฟรนไชส์ร้านอาหารที่ไมเนอร์ฯ เคยทำไป แล้วนั้น เชื่อว่าการขยายสาขาแดรี่ ควีนในลักษณะแฟรนไชส์นี้ จะเป็นอีกหนึ่งโอกาสการลงทุนสำหรับผู้ประกอบการใหม่ๆ ในต่างจังหวัด ซึ่งเชื่อว่าผู้ที่จะมาเข้า ร่วมเป็นแฟรนไชซีมีความเชื่อมั่นในความ สำเร็จของแดรี่ ควีน ที่สามารถควบคุมคุณภาพของสินค้า และสร้างสรรค์นวัตกรรม ใหม่ๆ อยู่เสมอ ทำให้เป็นผู้นำตลาดไอศกรีม พร้อมเสิร์ฟ โดยเฉพาะไอศครีมบลิซซาร์ด ซึ่งมีการควบคุมคุณภาพของส่วนประกอบ ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ ลูกอม หรือท็อปปิ้งอื่นๆ ให้มีมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม ตลาดไอศกรีมโดยรวม มีมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท เป็นไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ 20% โดยแดรี่ ควีน มีส่วนแบ่งตลาดกว่า 80% ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตขึ้นทุกปี โดยมีบลิซซาร์ดเป็นไอศกรีมที่ขายดีที่สุด ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของ แดรี่ ควีน  
 
อ้างอิงจาก สยามธุรกิจ

ขอขอบคุณรูปภาพจาก  https://www.facebook.com/dairyqueenthailand