|
|
17 กุมภาพันธ์ 2553 |
คุก 5,270 ปี! “เสริมศักดิ์ อุ่นน้อย” คดีแชร์ก๋วยเตี๋ยวบางกอก

ศาลอาญาตัดสินจำคุก"เสริมศักดิ์ อุ่นน้อย"จำเลยที่ 1 ในคดีแชร์ก๋วยเตี๋ยวบางกอก 5,270 ปี ฐานความผิดฉ้อโกงประชาชน รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือ 2,635 ปี แต่ความผิดกระทงที่หนักที่สุดอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ศาลจึงสั่งลงโทษจำคุกจำเลย 20 ปี และคืนเงินให้กับผู้เสียหายทั้งหมด
พ.อ.ปิยะวัฒก์ กิ่งเกตุ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ รายงานความคืบหน้าการดำเนินคดีแชร์ก๋วยเตี๋ยวว่า ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อ.3968/2552 คดีหมายเลขแดงที่ อ.166/2553 โดยพิพากษาว่านายเสริมศักดิ์ อุ่นน้อย จำเลยที่1 ซึ่งให้การรับสารภาพ มีความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 4, 5, 12, 15 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันลงโทษทุกกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
แต่เนื่องจากความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท จึงให้ลงโทษในความผิดฐานฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 ซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 รวม 1,254 กระทง ลงโทษจำคุกกระทงละ 5 ปี รวมเป็นโทษจำคุก 5,270 ปี
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 คงจำคุก 2,635 ปี แต่จำเลยกระทำความผิดกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่เกิน 10 ปี จึงให้ลงโทษจำคุกจำเลย 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 กับให้จำเลยคืนเงินต้นให้แก่ผู้กู้ยืมเงินหรือผู้เสียหายแต่ละรายตามจำนวนผู้เสียหายแต่ละรายที่ได้นำมาให้จำเลยกับพวกกู้ยืมเงินไปแล้วแต่ยังไม่ได้คืนพร้อมด้วยอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่คืนเงินสดของกลางเฉลี่ยให้แก่ผู้เสียหายทั้งหมด
พฤติการณ์แห่งคดี บริษัท สยามฟูดซ์แฟรนไชส์ จำกัด กระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน หรือ “แชร์ลูกโซ่” ด้วยการโฆษณาชักชวนประชาชนผ่านสื่ออินเทอร์เน็ต วิทยุ และออกบูธตามห้างสรรพสินค้า รวมทั้งเคยออกรายการทีวีช่อง 11 แนะนำการประกอบอาชีพ เพื่อชักจูงให้ประชาชนนำเงินไปลงทุนในธุรกิจเฟรนไชส์ของบริษัทฯ แลกกับผลตอบแทนในอัตราสูง โดยสมาชิกไม่ต้องรับรถเข็นก๋วยเตี๋ยวไปเปิดขาย ปรากฏว่ามีประชาชนหลงเชื่อตัดสินใจนำเงินไปร่วมลงทุนเป็นจำนวนนับพันราย โดยสามารถเลือกลงทุนได้ 2 แผน
แผนที่ 1 สมาชิกต้องจ่ายเงิน 45,000 บาท เพื่อซื้อหุ้นรถเข็นหนึ่งคัน โดยจะได้รับผลตอบแทน10,000 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 10 เดือน รวม 100,000 บาท เท่ากับว่า ลงทุน 45,000บาท จะได้กำไร 55,000 บาท
ส่วนแผนที่ 2 สมาชิกต้องจ่ายเงิน 35,000 บาท เพื่อซื้อหุ้นรถเข็นหนึ่งคัน โดยจะได้รับผลตอบแทน 7,500บาท ต่อเดือน เป็นเวลา 10 เดือน รวม 75,000 บาท เท่ากับว่า ลงทุน 35,000 บาท จะได้กำไร 75,000 บาท
ซึ่งเป็นการเสนอให้ผลตอบแทนในอัตราที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้ เข้าข่ายเป็นความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน
อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอได้เตือนพี่น้องประชาชนได้โปรดระมัดระวังการถูกหลอกลวงในพฤติการณ์ดังกล่าว และหากพบเห็นหรือมีบุคคลใดมาชักชวนท่านให้นำเงินไปลงทุนหรือสมัครเป็นสมาชิกในลักษณะของการบังคับให้เสียค่าสมาชิกและซื้อสินค้า โดยเฉพาะการมุ่งเน้นในเรื่องของรายได้หรือผลประโยชน์ตอบแทนที่มาจากการหาสมาชิกเข้าร่วมเครือข่ายขยายองค์กรด้วยการเสนอผลประโยชน์ตอบแทนที่สูงมากๆ เป็นหลัก
โดยมิได้มุ่งเน้นในเรื่องของการนำสินค้าไปแพร่กระจายสู่ผู้บริโภค หรือที่มักจะแนะนำว่า “ไม่ต้องรักษายอดขาย” ขอให้พี่น้องประชาชนใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจลงทุนหรือเข้าเป็นสมาชิกด้วยความระมัดระวัง และขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนได้โปรดแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ หรือแจ้งดีเอสไอที่ฮอตไลน์หมายเลข “1202” เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
อนึ่ง ดีเอสไอใคร่ขอเตือนบริษัทฯ หรือบุคคลที่กำลังประกอบธุรกิจอันอาจเข้าข่ายเป็นความผิดเกี่ยวกับการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ขอจงได้ยุติการกระทำที่เป็นการหลอกลวงฉ้อโกงประชาชนนั้นเสียก่อนที่ดีเอสไอจะเข้าดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับท่านทั้งคดีอาญา คดีฟอกเงิน และคดีล้มละลาย
อีกทั้งจะดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำตนเป็นแม่ทีมหรือแม่ข่ายที่ไปชักชวนประชาชนเข้าร่วมเป็นเครือข่ายขยายองค์กรด้วย หากพบหลักฐานว่าท่านมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดด้วย ขณะนี้มีเรื่องร้องเรียนแจ้งเบาะแสอยู่ที่ดีเอสไอแล้วมากกว่า 10 เรื่อง กำลังเร่งรัดสืบสวนข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
อ้างอิงจาก ผู้จัดการออนไลน์
|
|
|