รองอธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผย ธุรกิจแฟรนไชส์ไทย มีโอกาสเติบโตสูงในตลาดญี่ปุ่น

รองอธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผย ธุรกิจแฟรนไชส์ไทยมีโอกาสเติบโตสูงในตลาดญี่ปุ่น และกรมส่งเสริมการส่งออก พร้อมเป็นแกนนำส่งเสริมการตลาดในประเทศแถบเอเชีย


นางมาลี โชคล้ำเลิศ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยว่า ผลจากการที่รัฐบาลไทยได้ทำความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น หรือ JTEPA และกรมส่งเสริมการส่งออกได้ร่วมมือกับเจโทร (JETRO) ในการพัฒนาเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น โดยมุ่งเน้นการค้าขายภาคบริการที่มีคุณค่าความเป็นไทยสูง และมีโอกาสเติบโตในตลาดญี่ปุ่น โดยเปิดตัวด้านการค้าบริการใน 3 สาขา คือ การค้าขายแฟรนไชส์สปาไทย แฟรนไชส์อาหารไทย และสนับสนุนธุรกิจด้านบันเทิง ให้สามารถขยายตลาดไปยังตลาดญี่ปุ่นให้มากขึ้น

ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมาธุรกิจแฟรนไชส์ มีมูลค่าการค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ 72,000 ล้านบาท และมีรายได้เข้าประเทศประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งตลาดแฟรนไชส์ในญี่ปุ่นถือเป็นตลาดที่ใหญ่และมีศักยภาพที่ไทยสามารถจะขยายตลาดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจอาหารไทย เนื่องจากเป็นธุรกิจหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทยได้เป็นอย่างดี

ขณะเดียวกันกรมส่งเสริมการส่งออก จะเป็นแกนนำในการนำผู้ประกอบการธุรกิจแฟรนไชส์จากประเทศไทยที่มีศักยภาพและความพร้อม ไปทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดในประเทศแถบเอเชีย เพื่อเพิ่มช่องทางดำเนินธุรกิจบริการในต่างประเทศได้อย่างถาวร สนใจข้อมูลเพิ่มเติมค้นหาได้ที่ www.depthai.go.th

ส่งออก ร่วมกับ JETROเตรียมผุด 5 โครงการสอดคล้องนโยบายกรมฯ


กรมส่งเสริมการส่งออก จับมือ JETRO เตรียมเปิดโครงการส่งเสริมการส่งออกสินค้าและบริการเชิงสร้างสรรค์ โครงการส่งเสริมสินค้าเกษตรอินทรีย์ โครงการส่งเสริมสินค้าและบริการเอกลักษณ์ไทยประเภท อาหารไทย ผ้าไหมไทย กล้วยไม้ไทย สปา/นวดแผนไทย โครงการส่งเสริมสินค้าและบริการ และเตรียมนำผู้ประกอบการไทยลงทุนยังประเทศเพื่อนบ้านในแถบอาเซียน

นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ให้เกียรติต้อนรับ Mr. Takashi Tsuchiya Director-General, Trade and Economic Department of JETRO Tokyo พร้อมคณะฯ ในโอกาสเดินทางเข้าพบเพื่อหารือถึงการทำงานร่วมกันของทั้งสององค์กร ณ ห้องรับรอง ชั้น 10 กรมส่งเสริมการส่งออก (บางกระสอ)

นางศรีรัตน์ เปิดเผยว่า “กรมส่งเสริมการส่งออก ได้ร่วมมือกับ JETRO ในการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศไทยกับญี่ปุ่นมานานกว่า 24 ปี โดยปรับเปลี่ยนรูปแบบความร่วมมือไปตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศ โดยในปีงบประมาณญี่ปุ่น 2552 (1 เมษายน — 31 มีนาคม 2553) ทางกรมฯมีโครงการความร่วมมือกับทาง JETRO ได้แก่
 

โครงการ DEmark และโครงการ G-Mark ซึ่งทาง JETRO ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญมายังประเทศไทยเพื่อร่วมเป็นกรรมการตัดสินคัดเลือกผู้ออกแบบที่โดดเด่นเข้าร่วมชิงรางวัล G-Mark ในประเทศญี่ปุ่นต่อไป ซึ่งที่ผ่านมามีนักออกแบบไทยที่ได้รับรางวัล G-Mark จำนวน 12 ราย จากสินค้าประเภทเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน โครงการครัวไทยสู่ครัวโลก Thai Select ภายใต้ความตกลง JTEPA โดยทำการประชาสัมพันธ์ ณ เมืองโกเบ และนาโงย่า และยังมีโครงการเปิดภัตตาคารไทยในญี่ปุ่น ซึ่งได้มีพิธีลงนามความตกลง MOU ไปแล้ว ทั้งนี้ทางกรมส่งเสริมการส่งออกเอง ยังได้มีการเตรียมจัดทำโครงการความร่วมมือเพิ่มเติมเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของกรมฯ เช่น

1) โครงการส่งเสริมการส่งออกสินค้าและบริการเชิงสร้างสรรค์ตามนโยบาย Creative Economy

2) โครงการส่งเสริมสินค้าเกษตรอินทรีย์ (Organic Product)

3) โครงการส่งเสริมสินค้าและบริการเอกลักษณ์ไทยประเภท อาหารไทย ผ้าไหมไทย กล้วยไม้ไทย สปา/นวดแผนไทย

4) โครงการส่งเสริมสินค้าและบริการที่ได้รับประโยชน์จากข้อตกลง JTEPA

5) โครงการความร่วมมือระหว่างไทยกับญี่ปุ่นเพื่อนำผู้ประกอบการไทยไปลงทุนหรือขยายกิจการในประเทศที่สามโดยเน้นประเทศทางแถบอาเซียน”

JETRO มีสำนักงานในต่างประเทศถึง 80 แห่งทั่วโลก โดยมีที่กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางการประสานงานในภูมิภาคเอเชีย และเป็นแห่งแรกที่มีศูนย์ส่งเสริมธุรกิจ (Business Support Center in Thailand : BSCT) ที่ตั้งขึ้นนอกประเทศญี่ปุ่น โดยศูนย์นี้ถือเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนและส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทยของวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (SMEs) นอกจากนี้ JETRO ยังได้จัดตั้งห้องสมุดธุรกิจของเจโทรขึ้น เพื่อเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลทางการตลาดเกี่ยวกับสินค้าในตลาดญี่ปุ่น ข้อมูลด้านมาตรฐานสินค้าและกฎระเบียบ รวมถึงขั้นตอนการนำเข้าสินค้าของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย


อ้างอิงจาก กรมส่งเสริมการส่งออก