เท็ดดี้ เฮ้าส์ บุกตลาดคาแรกเตอร์ เล็งขายไลเซนส์เพิ่มมูลค่าแบรนด์ 

 

เท็ดดี้ เฮ้าส์ พลิกแผนรับเศรษฐกิจฝืด มุ่งสร้างแบรนด์คาแรกเตอร์ พร้อมเพิ่มมูลค่าตลาด เพื่อขายไลเซนส์ผลิตสินค้า เล็งสินค้ากลุ่มแรก เสื้อผ้า กระเป๋า และดิจิตอล มีเดีย ขอรายได้ปีแรก 5% จากตลาดรวมกว่า 6,000 ล้าน พร้อมเดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศ เตรียมเปิดเพิ่มอีก 3 สาขา ในฮ่องกง และอินโดนีเซีย มั่นใจสิ้นปีทำรายได้เติบโต 15% จากรายได้รวม 70 ล้านบาท

นายปิตุภูมิ หิรัณยพิชญ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เท็ดดี้ เฮ้าส์ จำกัด เปิดเผยว่า จากภาวะเศรษฐกิจปีที่แล้ว บริษัทได้มีการปรับตัวในแง่การทำตลาด จากเดิมที่ทำตลาดแบรนด์ เท็ดดี้ เฮ้าส์ การรับจ้างผลิตตุ๊กตา (Original Equipment Manufacturer :OEM) และการรับผลิตสินค้าพรีเมียม แต่เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจไม่ดี ทำให้ส่วนของตลาดพรีเมียมตกลงมาก บริษัทจึงปรับเปลี่ยนแผนการทำธุรกิจใหม่ โดยมุ่งเน้นการสร้างแบรนด์เท็ดดี้ เฮ้าส์ ซึ่งเป็นแบรนด์ของตัวเองเป็นหลัก พร้อมทั้งเปิดสาขาเพิ่มเติมอย่างจริงจัง ส่งผลให้ยอดรายได้ของบริษัทยังคงเติบโตต่อเนื่อง

ปัจจุบัน เท็ดดี้ เฮ้าส์ มีจำนวนสาขาในประเทศ แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 9 โดย 8 สาขา มีอยู่ในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว ชิดลม บางนา ปิ่นเกล้า พระราม 2 พระราม 3 เซ็นทรัลเวิลด์ แจ้งวัฒนะ และสาขาที่เป็นสแตนด์อะโลนสาขาแรก ที่สยามสแควร์ ซึ่ง แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์ และเวียร์ - ศุกลวัฒน์ คณารศ เป็นแฟรนไชซี ส่วนต่างจังหวัดมี 6 สาขา ได้แก่ โรบินสัน-หาดใหญ่ เซ็นทรัล-ขอนแก่น เซ็นทรัล-เชียงใหม่ โรบินสัน-จันทบุรี โรบินสัน-ศรีราชา เซ็นทรัล-ชลบุรี และต่างประเทศอีก 8 สาขา แบ่งเป็นที่ เวียดนาม 7 สาขา และอินโดนีเซีย 1 สาขา โดยจะเปิดเพิ่มอีก 1 สาขา ที่อินโดนีเซีย และ 1 สาขาที่ ฮ่องกง นอกจากนี้ ยังมีตัวแทนจำหน่ายใน ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และไต้หวัน

"เราตั้งใจว่า จะให้แฟรนไชส์เพียงหนึ่งเจ้าในแต่ละจังหวัด และสำหรับกรุงเทพฯ คิดว่า คงจะไม่มีเพิ่ม เพราะเกรงว่าจะแน่นเกินไป โดยตั้งใจว่า จะให้สาขาสแตนด์อะโลนที่เป็นแฟล็กชิพของเรา" นายปิตุภูมิกล่าวและว่า สำหรับผู้ที่สนใจเป็นแฟรนไชส์ จะต้องมีเงินทุนอย่างน้อยประมาณ 5 แสนบาท และมีพื้นที่ขั้นต่ำประมาณ 20 ตารางเมตร โดยบริษัทมีเกณฑ์ในการพิจารณาทำเลที่ตั้งตามความเหมาะสม

สำหรับการทำตลาดต่างประเทศถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของเท็ดดี้ เฮ้าส์ ซึ่งมีการส่งออกในทุกคอลเลกชัน อาทิ Summer & Spring , Winter Christmas, Valentine โดยปีหน้ามีเป้าหมายขยายตลาดเพิ่มเติม ทั้งใน จีน แคนาดา และยุโรป ซึ่งปัจจุบันมีดิสทริบิวเตอร์อยู่ในสวีเดน

ส่วนอีกเป้าหมายหนึ่ง คือ การมูลค่าเพิ่มในตัวเท็ดดี้ เฮ้าส์ ผ่านการขายไลเซนส์ลิขสิทธิ์ ให้กับผู้สนใจนำไปผลิตเป็นสินค้า โดยเป้าหมายเบื้องต้น คือ กลุ่มเสื้อผ้า กระเป๋า และดิจิตอล มีเดีย เช่นการนำคาแรกเตอร์ไปลงบน MMS ส่งผ่านโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะสามารถทำรายได้ประมาณ 5% ของตลาดรวมกว่า 6,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 1 ปี
 

นายปิตุภูมิ กล่าวเพิ่มเติมว่า การกระตุ้นตลาดของเท็ดดี้ เฮ้าส์ จะให้ความสำคัญกับการออกคอลเลกชันใหม่ๆ ของหมีเท็ดดี้ ในแต่ละซีซัน ไม่ว่าจะเป็น Summer & Spring , Winter Christmas, Valentine หรือช่วงปีใหม่ พร้อมกันนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมใหญ่เป็นประจำทุกปี ในช่วงธันวาคม ที่เซ็นทรัล ชิดลม ซึ่งเป็นสาขาแรกของเท็ดดี้ เฮ้าส์ ซึ่งจะเป็นการรวมสมาชิกของเท็ดดี้ เฮ้าส์ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่กว่า 1.5 หมื่นราย และยังมีการสื่อสารและส่งข่าวคอลเลกชันใหม่ๆ กิจกรรม และโปรโมชัน ให้กลุ่มสมาชิกต่อเนื่องผ่านเอสเอ็มเอส และอี-เมล์ โดยกลุ่มสมาชิกของเท็ดดี้ เฮ้าส์ ถือเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก ซึ่งมีช่วงอายุระหว่าง 25-35 ปี

ส่วนคอลเลกชันใหม่ล่าสุด ซึ่งจะสร้างเป็นคาแรกเตอร์หลักในการบุกตลาด คือ Teira Zeira Collection ซึ่งออกแบบโดยแพนเค้ก และเวียร์ จะช่วยในการขยายกลุ่มเป้าหมาย 15-25 ปี เพิ่มขึ้น พร้อมกันนี้ ยังจะนำคอลเลกชันดังกล่าวส่งออกไปยังยุโรปและเอเชีย ซึ่งมีฐานลูกค้าอยู่แล้ว และมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี เพราะขณะนี้ใบสั่งซื้อเข้ามาแล้ว 60% ของจำนวนที่ผลิต

นอกจากนี้ เท็ดดี้ เฮ้าส์ ยังมีบริการพิเศษ สำหรับผู้ที่ต้องการหมีเท็ดดี้ ที่มีเอกลักษณ์ ในรูปแบบ Make To Order ซึ่งลูกค้าสามารถสั่งรูปแบบได้ตามต้องการ เช่น การแต่งตัวให้เหมือนคาแรกเตอร์ของ เพื่อน หรือคนรัก ที่ต้องการจะส่งให้เป็นของขวัญ ซึ่งคาดว่าจากรูปแบบการบุกตลาดทั้งหมด รวมทั้งการผลักดันตลาดออนไลน์ จะส่งผลให้ยอดขายในปีนี้เติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 10-15% เช่นทุกปีที่ผ่านมา จากรายได้ปัจจุบันกว่า 70 ล้านบาท 
 

อ้างอิงจาก ฐานเศรษฐกิจ