12K
5 กันยายน 2552

'อนุรัตน์ โค้วคาสัย'ขันอาสา ดัน'ยูเอฟพี'ผงาดโลก ลบภาพธุรกิจครอบครัว
 


 

เอ่ยถึงบริษัท ยูเนี่ยนโฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด หรือในชื่อ "ยูเอฟพี" คนที่ไม่อยู่ในแวดวงส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งบางคนอาจไม่รู้จัก แต่หากบอกว่ายูเอฟพีเป็นบริษัทแม่ของบริษัท พรานทะเลมาร์เก็ตติ้ง จำกัด เจ้าของร้านฟาสต์ฟูดอาหารทะเล จำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแช่แข็งพร้อมรับประทาน รวมถึงผลิตภัณฑ์ "คลิ๊ก"ผลิตภัณฑ์เติมคุณค่าให้กับอาหารจานด่วนแล้ว ทุกคนต้องอ๋อ และรู้จักกันดีทั่วเมือง


"อนุรัตน์ โค้วคาสัย" ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ และการตลาด ซึ่งถือเป็นลูกหม้อที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับค่ายยูเอฟพีมากว่า 20 ปี ทั้งยังเป็นคีย์แมนคนสำคัญของกลุ่มในปัจจุบัน ให้สัมภาษณ์กับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า "ยูเอฟพี"มีจุดกำเนิดเมื่อ 28 ปีก่อนโดยธุรกิจได้ถูกบุกเบิกโดยไต้ก๋งเรือที่ชื่อ "ธงชัย ธาวนพงษ์" ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอคนปัจจุบัน โดยเริ่มแรกทำธุรกิจเรือจับปลาเป็นหลัก
 



28 ปีแตกหน่อ 6 บริษัท


จากวันนั้นถึงวันนี้ธุรกิจของยูเอฟพี เติบใหญ่ขึ้นตามลำดับ มีเรือจับปลาที่ทันสมัยขนาดใหญ่รวม 13 ลำ มีบริษัทในเครือรวม 6 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท ยูเนี่ยนโฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด(บจก.) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ทำธุรกิจผลิตและส่งออกอาหารทะเลแช่แข็ง โดยสินค้าส่งออกสัดส่วน 70-80% เป็นสินค้ากุ้ง ที่เหลือเป็นปลา ปลาหมึก และอาหารทะเลแช่แข็งอื่นๆ มีตลาดหลักที่ อเมริกา(สหรัฐอเมริกา แคนาดา) สหภาพยุโรป และญี่ปุ่นสัดส่วน 45% และ35% และ10% ตามลำดับ อีก 10% ที่เหลือจำหน่ายในประเทศ


ส่วนบริษัทลูกถือหุ้น 100% ประกอบด้วย บจก.ที.พี. อินเตอร์ฟิชเชอร์รี่ ทำธุรกิจเรือจับปลา ,บจก.ห้องเย็นพงษ์ทิพย์ ทำธุรกิจห้องเย็น ,บจก.ยู.เอฟ. โลจิสติกส์ ดูแลด้านโลจิสติกส์ของเครือ ,บจก.ไบรท์ซี ทำธุรกิจซื้อสินค้าจากบริษัทแม่เพื่อส่งออกไปบางตลาดในแบรนด์ที่ลูกค้าต้องการ


ขณะที่เมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา ยูเอฟพีได้ร่วมทุนกับบริษัทเคียวคูโย จากประเทศญี่ปุ่นสัดส่วน 50:50 ตั้งบจก.เค แอนด์ ยู เอ็นเตอร์ไพรส์ เพื่อผลิตซูชิแช่แข็งส่งออกไปญี่ปุ่น 80% และอีก 20% ส่งไปสหรัฐฯและยุโรป พนักงานและคนงานของกลุ่มล่าสุดมีประมาณ 7,000 คน


"ภาพรวมกลุ่มยูเอฟพีไม่รวม เค แอนด์ ยู เอ็นเตอร์ไพรส์ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน ในปีที่ผ่านมามียอดขายรวมกันประมาณ 10,200 ล้านบาท ในปีนี้ตั้งเป้ายอดขายที่ 11,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 10% ในจำนวนนี้จะมาจากยอดขายของบริษัทแม่คือยูเอฟพี ที่ปีนี้ตั้งเป้ายอดขายรูปดอลลาร์สหรัฐฯไว้ที่ 210 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มียอดขาย 180 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนรายได้รูปเงินบาทขึ้นกับค่าเงิน จากปีที่แล้วยูเอฟพีมีรายได้รูปเงินบาท 7,800 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะมาจากยอดขายในประเทศของบริษัทพรานทะเลฯ ที่ตั้งเป้าปีนี้ 1,100 ล้านบาท จากปีที่แล้วมียอดขายประมาณ 900 ล้านบาท ที่เหลือเป็นรายได้จากธุรกิจอื่นๆ"

 

เล็งเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ


"อนุรัตน์" กล่าวยอมรับว่า กลุ่มยูเอฟพีแม้จะเป็นผู้ผลิตและส่งออกอาหารแช่แข็งรายใหญ่ติด 3 อันดับแรกของเมืองไทย แต่ภาพลักษณ์ที่คนภายนอกมองยังเป็นธุรกิจครอบครัวของคนในตระกูล "ธาวนพงษ์" และใช้ทุนของตระกูลในการขยายงานเป็นหลัก แม้ว่าเวลานี้ได้ดึงมืออาชีพเข้ามาร่วมงานมากขึ้น แต่ก็ยังไม่สามรถลบภาพลักษณ์ดังกล่าวได้ แต่หากมองอีกแง่มุมหนึ่งธุรกิจครอบครัวโตมาได้ขนาดนี้ต้องถือว่าเก่งมาก


อย่างไรก็ดีเพื่อปรับโครงสร้างของกลุ่มให้เป็นสากล และมีความแข็งแกร่งในทุกด้านเพื่อรองรับการแข่งขันที่รุนแรง ทางกลุ่มมีแผนจะนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯเช่นเดียวกับค่ายอื่นๆในกลุ่มธุรกิจเดียวกันในอีก 3-5 ปีข้างหน้า รวมถึงมีเป้าหมายที่จะก้าวออกไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น


"การเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯซึ่งต้องเข้าทั้งกลุ่มเราต้องปรับโครงสร้างภายในอีกมาก เช่นบริษัทลูกจะต้องตัดปัญหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน กรรมการต้องไม่มีธุรกิจที่ไปทำการซื้อขายกับบริษัท การเตรียมความพร้อมด้านฐานการเงิน การปรับโครงสร้างผู้บริหาร เป็นต้น"
 


สยายปีกลงทุนนอก


ส่วนการรุกขยายการลงทุนออกไปต่างประเทศ ที่เป็นรูปธรรมมากที่สุดเวลานี้คือการให้อิหร่านเช่าเรือเพื่อจับปลาป้อนโรงงานปลาป่นในอิหร่าน ส่วนหนึ่งส่งกลับวัตถุดิบมายังประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ส่งไปแล้ว 2 ลำ และในเร็วๆ นี้มีแผนจะส่งไปอีก 8 ลำ การร่วมทุนกับ บจก. ชามิ อัล-ฮัสซานิ แอนด์ ซันส์ จากซาอุดีอาระเบียเพื่อทำธุรกิจด้านอุตสาหกรรมประมงและธุรกิจต่อเนื่องในน่านน้ำทะเลแดง ขณะนี้อยู่ระหว่างขอไลเซนส์จับปลาจากรัฐบาลซาอุฯ


นอกจากนี้มีแผนขายแฟรนไชส์ร้านฟาสต์ฟูดพรานทะเล
และจำหน่ายสินค้าอาหารแช่แข็งพร้อมรับประทานในอินเดีย ซึ่งล่าสุดเจ้าของโรงแรมเรดิสันในอินเดียสนใจและอยู่ระหว่างการหาสถานที่เหมาะสม ขณะที่การบรรลุข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2553 จะมีส่วนช่วยให้การขยายแฟรนไชส์ของพรานทะเลในอินเดียได้รับความสะดวก และจะขยายสาขาได้ในอนาคต


" 3-5 ปีจากนี้ไปเรากำลังวางรากฐานของยูเอฟพีให้เข้มแข็ง เป็นบริษัทที่สามารถก้าวออกไปลงทุนในต่างประเทศได้มากกว่านี้ ที่ผ่านมาการเป็นธุรกิจครอบครัวทำให้เรามีข้อจำกัดในหลายเรื่อง ทั้งเรื่องการขอสินเชื่อธนาคาร การลงทุนต่างๆ แต่ถ้าเราสามารถพัฒนาไปสู่ความเป็นสากล โอเพนมากขึ้นในการร่วมทุน มีระบบการเงินที่เข้มแข็งเราจะไปได้ไกลมากกว่านี้อย่างแน่นอน


ทั้งหมดนี้คือแผนงานเบื้องต้นที่ทางกลุ่มยูเอฟพี จะเร่งดำเนินการให้เป็นรูปธรรม เพื่อครองความเป็นผู้นำด้านอาหารทะเลแช่แข็งของประเทศ 

 
อ้างอิงจาก ฐานเศรษฐกิจ
 

ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
alls BUBBLE TEA แฟรนไช..
1,122
ยู้ฮู หวานเย็นเปิดสาขา..
1,034
รสเด็ดก๋วยเตี๋ยวกระทุ่..
945
สัมมนาลงทุน แฟรนไชส์คุ..
755
ยินดีต้อนรับ “ครอบครัว..
674
DOCTOR COSMETICS ACADE..
599
ข่าว SMEsมาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด