ตลาดพิซซ่า 4.5 พันล้านแข่งเดือด นารายณ์-พิซซ่า ฮัท บี้เดอะ พิซซ่าฯ 

ตลาดพิซซ่า 4.5 พันล้านคึกคัก 3 แบรนด์ดังเปิดศึกชิงยอดครึ่งปีหลัง "นารายณ์ฯ" โหมอัดดีลิเวอรี หลังคว้าเลข 4 หลัก "1744" พร้อมเปิดแนวรุกชิงลูกค้าวัยรุ่น ด้านพิซซ่า ฮัท ชูเมนูหลากวาไรตี เรียกลูกค้าออล ไทม์ เดินหน้าขยายสาขาเพิ่ม หลังปิดสาขาทำเงิน ส่งผลให้คู่แข่งคว้าลูกค้าไปครอง

นางสรัญญา เปรมสุมณี กรรมการผู้จัดการ บริษัท นารายณ์พิซเซอเรีย จำกัด ผู้บริหารร้านพิซซ่า "นารายณ์พิซเซอเรีย" เปิดเผยว่า กลยุทธ์การทำตลาดในครึ่งปีหลัง บริษัทจะโหมโฆษณา ประชาสัมพันธ์รวมทั้งการจัดโปรโมชันต่างๆ โดยใช้งบประมาณกว่า 10 ล้านบาท เพื่อเปิดตัวการให้บริการดีลิเวอรี ภายใต้หมายเลข 1744 ซึ่งถือเป็นรูปแบบการให้บริการหลักของนารายณ์พิซเซอเรีย และสามารถทำยอดขายได้ถึง 40% ทั้งนี้หลังจากโหมรุกหนัก จะทำให้ยอดขายดีลิเวอรีเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 20% ส่งผลให้บริษัทมีสัดส่วนยอดขายดีลิเวอรี เพิ่มขึ้นเป็น 60%

อีกกลยุทธ์ที่จะถูกนำมาใช้ในครึ่งปีหลัง คือ การจัดบุฟเฟ่ต์ ทุกวันอังคาร ในราคา 149 บาทต่อคน ซึ่งเหมาะสำหรับกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ซึ่งจากการจัดบุฟเฟ่ต์ที่ผ่านมาพบว่า สามารถดันยอดขายให้เพิ่มขึ้นกว่า 60% จากช่วงเวลาปกติ ดังนั้นในครึ่งปีหลังจะยังคงดำเนินกลยุทธ์นี้ต่อไป รวมถึงการจัดเซตเมนูพิซซ่า ในราคาพิเศษเพื่อเป็นอีกทางเลือกให้กับลูกค้าด้วย

"กลยุทธ์การทำตลาดของนารายณ์พิซเซอเรียจะมีสีสัน และหลากหลายมากขึ้น ซึ่งนอกจากกลยุทธ์การทำตลาดในรูปแบบต่างๆ แล้วนั้น บริษัทยังมีแผนที่จะรีโนเวตสาขาใหม่ เพื่อให้มีความทันสมัย สวยงาม สะดวก สบายเมื่อมาใช้บริการ พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนโลโกใหม่ โดยมีร้านนารายณ์พิซเซอเรีย สาขาพระราม 2 เป็นสาขาต้นแบบของโมเดลใหม่นี้" นางสรัญญา กล่าวและว่า

ปัจจุบันนารายณ์พิซเซอเรีย มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 3 โดยการทำตลาดจะมุ่งตอกย้ำกลุ่มลูกค้าเป็นกลุ่มเฉพาะที่รู้จัก ชื่นชอบและมีความภักดีต่อแบรนด์เป็นหลัก พร้อมทั้งสร้างฐานลูกค้าใหม่ให้เกิดขึ้นโดยเฉพาะลูกค้าในกลุ่มวัยรุ่น

ด้านนางนงนุช บูรณะเศรษฐกุล ผู้อำนวยการตลาด - พิซซ่า ฮัท บริษัท ยัม เรสเทอรองต์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทยังมุ่งเน้นที่จะสร้างแบรนด์พิซซ่า ฮัทให้มีความแข็งแกร่งต่อไป โดยเฉพาะหลังจากที่เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป หรือซีอาร์จี คืนสัญญาแฟรนไชส์ ให้กับยัม แล้ว สำหรับแนวทางการทำตลาดในครึ่งปีหลัง บริษัทเตรียมลงทุนกว่า 150 ล้านบาท ในการขยายสาขาเพิ่มขึ้นอีก 15 สาขา พร้อมนำเสนอกลยุทธ์การตลาดที่หลากหลาย เพื่อสร้างให้พิซซ่า ฮัท เป็น Top of mind Brand เมื่อผู้บริโภคนึกถึงพิซซ่า

อย่างไรก็ดี จากการสำรวจร้านเดอะ พิซซ่า คอมปะนี สาขาเซ็นทรัล พลาซา ลาดพร้าว ซึ่งบริหารโดยบริษัท ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) พบว่า หลังจากที่ซีอาร์จี บอกเลิกสัญญาและปิดพิซซ่า ฮัทในสาขาดังกล่าว ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้ลูกค้าหันไปใช้บริการในร้านเดอะ พิซซ่า คอมปะนีเพิ่มมากขึ้น และคาดว่าในสาขาต่างๆ ที่ถูกดึงพื้นที่คืนก็เกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกัน เพราะที่ผ่านมาพิซซ่า ฮัทและเดอะ พิซซ่า มักจะเปิดให้บริการในทำเลที่ใกล้เคียงกัน

ขณะที่เดอะ พิซซ่า เองยังคงเดินหน้าจัดกิจกรรมด้านการตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเปิดตัวเมนูใหม่ "ซุปเปอร์เดอลุกซ์ พิซซ่า" ในราคา 249 บาท และชุดเมนูสปาเก็ตตี้ อีกกว่า 10 เมนู เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ

สำหรับตลาดรวมพิซซ่า มีมูลค่ากว่า 4,500 ล้านบาท มีการเติบโตประมาณ 10% โดยเดอะ พิซซ่า เป็นผู้นำตลาดมีส่วนแบ่งกว่า 50% รองลงมาคือ พิซซ่า ฮัท และ นารายณ์พิซเซอเรีย ซึ่งมีส่วนแบ่งไม่ถึง 10% 
 


อ้างอิงจาก ฐานเศรษฐกิจ