5.1K
17 มีนาคม 2552

อินเด็กซ์ฯปั้นแบรนด์ขายแฟรนไชส์ร่วมยักษ์ค้าปลีก”จิลล์”เจาะตะวันออกกลาง 
 
 


 
        “อินเด็กซ์ฯ” เผย “จิลล์ฯ”ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกข้ามชาติ ซื้อแฟรนไชส์ฯอินเด็กซ์ลีฟวิ่งมอลล์ เล็งผุดสาขาในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง- เอเชีย ตั้งเป้า 3 ปี เปิด 8-10 สาขา คาดดันยอดขายแฟรน์ไชส์โต 20% ต่อปี ด้านโมเดอร์นฟอร์ฯเร่งสร้างแบรนด์ เพิ่มมูลค่าสินค้าดีไซน์ เข้าถึงลูกค้าเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน

       
       นายกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการบริหาร บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด กล่าวว่า หลังจากบริษัทอินเด็กซ์ฯและพันธมิตรธุรกิจจากประเทศเวียดนาม ตัดสินใจเลื่อนการเปิดสาขาแฟรนไชส์ในประเทศเวียดนาม เนื่องจากติดปัญหาด้านข้อกฎหมายหลายประการนั้น ล่าสุด บริษัทอินเด็กซ์ฯได้ขายแฟรนไชส์ ซี “อินเด็กซ์ ลีฟวิ่งมอลล์” ให้แก่บริษัท จิลล์ แคปปิตอล คอมปานี ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่จากประเทศสิงค์โปร์ ที่มีประสบการด้านตลาดค้าปลีกนานกว่า 30 ปี เพื่อเปิดศูนย์จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์อินเด็กซ์ฯในประเทศดูไบ ในศูนย์การค้าดูไบมอลล์ เมืองอาบูดาบี้ ซึ่งมีพื้นที่รวมกว่า 1 ล้านตางเมตร เป็นศูนย์สรรพสินค้าใหญ่ที่สุดในโลก

 


       
       ทั้งนี้ อินเด็กซ์ ลีฟวิ่งมอลล์ สาขาดังกล่าวจะใช้พื้นที่ 5,000 ตารางเมตร ใช้งบลงทุนประมาณ 150 ล้านบาท สำหรับดินเด็กซ์ฯสาขาดูไบ จะเป็นแฟรนไซน์ซีสาขาแรกของอินเด็กซ์ฯในต่างประเทศ นอกจากนี้ จิลล์ฯยังมีแผนระยะยาว 3 ปี ว่าจะเปิดสาขาแฟรนน์ดินเด็กซ์ฯ ในประเทศโอมาน, ซาอุดิอาระเบีย, กาต้า,และประเทศตะวันออกกลาง รวม 8-10 สาขา ซึ่งจะทำให้ยอดขายเฟอร์นิเจอร์ผ่านแฟรน์ไชส์เติบโต20%ต่อปี โดยในปีแรกนี้คาดว่าจะมียอดขายรวมประมาณ 750 ล้านบาท จากสาขาดูไบ นอกจากนี้จิลล์ยังมีแผนจะเปิดสาขาในประเทศรัสเซีย และกลุ่มประเทศเอเชีย เช่นอินเดียด้วย
      
       “รูปแบบการทำธุรกิจส่งออกเฟอร์นิเจอร์ ในช่วงที่ผ่านมาของผู้ประกอบการไทยถือว่าไม่ยั่งยืน เนื่องจากการส่งออกส่วนใหญ่เป็นการรับจ้างผลิตส่วนใหญ่ ส่วนที่ส่งออกในแบรนด์ของตนเองมีน้อย ซึ่งต่างประเทศมองแบรนด์สินค้าไทยไม่มีความชัดเจน เมื่อต้องแข่งกันกับสินค้าจากจีนและเวียดนามทำให้สินค้าไทยถูกกดราคา ดังนั้นที่ผ่านมาอินเด็กซ์จึงมีการสร้างแบรนด์และการจัดจำหน่ายในรูปแบบโมเดอร์นเทรดที่มีระบบการจำหน่ายและบริหารจัดการเดียวกัน ซึ่งที่ผ่านมาจิลล์ฯได้เข้ามาศึกษางานกับอินเด็กซ์นานกว่า 5 ปีแล้ว และเห็นว่าแบรนด์อินเด็กซ์เป็นสินค้าที่มีระบบมาตรฐานและการบริหารจัดการที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกทำให้จิลล์ตัดสินใจเลือกซื้อแฟรนไซน์ของอินเด็กซ์ฯและเปิดสาขาในต่างประเทศ”

 


       
       สำหรับการทำตลาดในประเทศปีนี้ จะเน้นผลักดันยอดขายจากตลาดค้าปลีกเพิ่มขึ้นเนื่องจากตลาดดังกล่าวเป็นตลาดหลัก ส่วนตลาดโครงการและตลาดอื่นๆ นั้นจะยังคงรักษายอดขายไว้เท่าเดิม ส่วนแนวทางการเพิ่มยอดขายในประเทศ อินเด็กซ์ฯ จะไม่เน้นการเปิดสาขาใหม่เนื่องจากภาวะไม่เหมาะสม แต่จะเปลี่ยนเป็นการปรับปรุงขยายพื้นที่สาขาเดิมให้มีขนาดใหญ่มากขึ้น โดยในปีนี้บริษัทได้มีการปรับปรุงสาขารังสิตให้มีขนาดพื้นที่เพิ่มขึ้นจาก 10,000 ตร.ม. เป็น 16,000 ตร.ม.ซึ่งจะใช้งบประมาณในการปรับปรุง 250 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้มีการเพิ่มขนาดพื้นที่สาขาบางนาตลาดซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างเป็น 20,000 ตร.ม.คาดว่าจะใช้งบในการก่อสร้างทั้งหมด 800 ล้านบาท

 


       
        โมเดอร์นฟอร์มเน้นดีไซน์เพิ่มมูลค่า
      
       ด้านนายทักษะ บุษยโคะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โมเดอร์นฟอร์ม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เพื่อเป็นการสร้างความแข็งแกร่ง และสร้างมูลค่าเพิ่มในตัวสินค้าให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ บริษัทได้มีการเน้นในเรื่องการสร้างภาพลักษณ์ในตัวสินค้าและแบรนด์ของโมเดอร์นฟอร์มฯ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้มากขึ้น โดยบริษัทได้มีการสานต่อโครงการ ดีไซน์เนอร์ซีรี่ส์ อย่างต่อเนื่อง โดยได้เชิญนักแกแบบรับเชิญเข้าร่วมออกแบบเฟอร์นิเจอร์ออกวางจำหน่าย
      
       ในปีนี้แนวทางการสร้างแบรนด์ของบริษัทก็จะยังทำต่อเนื่องโดยจะเชิญนักออกแบบรับเชิญเข้ามร่วมออกแบบสินค้าของบริษัทและเปิดตัวสินค้าในงานแสดงสินค้าใหญ่ๆ ทั้งนี้สินค้าที่ดีรับการออกแบบดังกล่าวจะเป็นสินค้าที่วางขายในโชวรูมโมเดอร์นฟอร์มฯด้วย เพื่อเป็นการตอกย้ำภาพลักด้านการออกแบบสินค้าของโมเดอร์นฟอร์มฯ














อ้างอิงจาก ผู้จัดการออนไลน์

 

ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สาขาใหม่มาแล้ว! บุราณ ..
950
รวมภาพบรรยากาศ คอร์ส F..
651
“เติมพลังความรู้” กับ ..
592
มาโนอิ ร่วมงานครบรอบ 1..
563
สมาร์ทเบรน จินตคณิต เป..
554
โทกิวอช ร้านสะดวกซัก เ..
517
ข่าว SMEsมาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด