ยามาโกย่าฯลุยตลาดเต็มสูบ ส่ง ไอศกรีม 'ฮอคไกโด ซอฟท์ครีม'

เจาะพารากอน อาหารสไตล์ญี่ปุ่น เสิร์ฟลูกค้าคอมมิวนิตี มอลล์  ยามาโกย่าฯ เดินเกมบุกร้านอาหารกลิ่นอายญี่ปุ่น ลุยเปิดร้านไอศกรีม "ฮอคไกโด ซอฟท์ครีม" ชูส่วนผสมอิมปอร์ตจากแดนปลาดิบ หวังต่อยอดธุรกิจ-ฐานลูกค้าเดิมร้านราเมนยามาโกย่า-บาซาราก้า หวังสิ้นปีรายได้เติบโตกว่า5-10%

นายวิรวัฒน์ ทังสุบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยามาโกย่า (ไทยแลนด์)ฯ ผู้บริหารร้านอาหารญี่ปุ่น ประเภทราเมนภายใต้ชื่อ ยามาโกย่า และ บาซาราก้า ราเมน ลิขสิทธิ์ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่าปีนี้บริษัทเตรียมงบลงทุนกว่า 20 ล้านบาทแบ่งออกเป็นกว่า 6 ล้านบาท ดำเนินการขยายธุรกิจใหม่ของบริษัทในปีนี้คือ ร้านไอศกรีมภายใต้ชื่อ "ฮอคไกโด ซอฟท์ครีม" บริการร้านไอศกรีมสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งบริษัทได้รับสิทธิ์บริหารแบรนด์จากประเทศญี่ปุ่นรายล่าสุด


โดยจะเปิดสาขาแรกในรูปแบบร้านเดี่ยว(สแตนด์อะโลน)บนพื้นที่ 10 ตารางเมตรในศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม ในวันที่ 1 มีนาคมนี้ และเตรียมเปิดสาขา 2 ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน ภายในปีนี้เช่นกัน

สำหรับการให้บริการร้านไอศกรีมดังกล่าว เพื่อขยายฐานกลุ่มเป้าหมายลูกค้าชาวญี่ปุ่นที่อาศัยหรือทำงานในประเทศไทย และกลุ่มลูกค้าชาวไทยทั่วไปที่รู้จักแบรนด์หรือสินค้าไอศกรีมลักษณะดังกล่าว รวมทั้งกลุ่มลูกค้าใหม่ นักเรียน นักศึกษา คนทำงาน ฯลฯ เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการบริโภคไอศกรีม โดยวางระดับราคาไว้ที่ประมาณ 75 บาทจนถึง 100 บาท มีจุดเด่นที่ใช้ส่วนผสมในการผลิตสินค้านำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นทั้งหมด เพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจและลูกค้าที่รู้จักร้านยามาโกย่า และบาซาราก้า ดีอยู่แล้ว

สำหรับงบลงทุนที่เหลือกว่า 15 ล้านบาทบริษัทจะนำไปใช้ในการขยายสาขาร้านอาหารญี่ปุ่น ทั้ง 2 แบรนด์ คือ ยามาโกย่า จำนวน 2 สาขาใหม่ คือ1.ศูนย์การค้าชุมชน หรือ คอมมิวนิตี มอลล์ คริสตัล พาร์ค และ2.โครงการเค วิลเลจ สุขุมวิท 26 คาดใช้งบลงทุนสาขาละ 5 ล้านบาท ในรูปแบบแฟรนไชส์ จากปัจจุบันร้านยามาโกย่าให้บริการ 2 สาขา คือ เจ อเวนิว และทองหล่อ ซึ่งบริษัทเป็นผู้ลงทุนเอง

 

ส่วนแผนธุรกิจร้าน"บาซาราก้า" ในปีนี้บริษัทเตรียมขยายสาขาเพิ่มอีก 1-2 สาขา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาพื้นที่ทำเลเพื่อเปิดให้บริการ โดยมีความเป็นไปได้ที่ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ บางกะปิ และเดอะมอลล์ บางแค เป็นต้น จากปัจจุบันร้านอาหารแบรนด์ดังกล่าวเปิดให้บริการไปแล้วทั้งสิ้น 3 สาขาในปีที่ผ่านมา คือ สาขาอาคารวรรณสรณ์ สาขาเมเจอร์ รัชโยธิน และล่าสุดสาขา จามจุรี สแควร์ ซึ่งเป็นไปตามแผนเดิมที่วางไว้หลังเปิดตัวแบรนด์ครั้งแรกในปี 2551 ที่ผ่านมา

 

นายวิรวัฒน์ กล่าวว่าร้านบาซาราก้าได้รับการตอบรับในระดับน่าพอใจจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คือ นักเรียน นักศึกษา คนทำงานรุ่นใหม่ จากราคาที่ไม่สูงมากนักแต่มีรสชาติดั้งเดิมแบบญี่ปุ่น แต่ยอมรับธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นโดยเฉพาะประเภทราเมน มีการแข่งขันสูงในปีที่ผ่านมา เห็นได้จาการทยอยเปิดตัวร้านแบรนด์ใหม่ๆ หรือการที่แบรนด์เดิมที่มีอยู่ในตลาดมีการปรับโฉมแบรนด์ใหม่เพื่อความทันสมัยขึ้น โดยคาดว่าปัจจุบันมีร้านอาหารราเมนในประเทศไทยมากกว่า 10 แบรนด์ที่ทำตลาดอย่างจริงจัง และมีมูลค่าตลาดรวมเฉพาะร้านอาหารประเภทนี้ราว150 ล้านบาท

สำหรับปีนี้บริษัทตั้งเป้าเติบโตราว 5-10% โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการขยายสาขาร้านอาหารทั้ง 2 แบรนด์ รวมถึงการเปิดให้บริการธุรกิจร้านไอศกรีมใหม่ จากปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้ราว 55 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตประมาณ 5-10%













อ้างอิงจาก ฐานเศรษฐกิจ