นางนันทวัลย์ ศกุนตนาคอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า ขณะนี้กรม ได้รับการร้องเรียนจากผู้ประกอบการที่ส่งสินค้าไปจำหน่ายในตลาดต่างประเทศ ว่าสินค้าของตนถูกละเมิดเครื่องหมายการค้า โดยเฉพาะในกัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย และจีน ซึ่งเป็นผลทำให้ยอดขายสินค้าลดลง หรือจำหน่ายสินค้าได้ยากขึ้นดังนั้นจึงได้ขอให้กรม เข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งกรม ก็ได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ทุกกรณี

ทั้งการเข้าไปประสานงานไปยังหน่วยงานที่ดูแลงานด้านทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศที่สินค้าไทยถูกละเมิด และทำการคัดค้านการยื่นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ซึ่งหลายๆ กรณีสามารถแก้ไขได้ทันท่วงที เพราะอยู่ระหว่างการจดทะเบียน แต่บางกรณีอาจจะช้าเกินไป แต่กรม ก็ได้ประสานงานเพื่อแก้ไข และยืนยันถึงความเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าที่แท้จริง เพื่อให้มีการเพิกถอนต่อไป

 

สำหรับสินค้าที่ถูกละเมิดเครื่องหมายการค้า เช่น น้ำผลไม้ ยี่ห้อทิปโก้ มาลี ถั่ว ยี่ห้อเถ้าแก่น้อย เครื่องแกงยี่ห้อโลโบ น้ำจิ้มไก่พันธุท้ายนรสิงห์น้ำพริกเผา และมาม่า เป็นต้น โดยวิธีการละเมิดมีหลายวิธี ทั้งการปลอม เลียนแบบสินค้าขึ้นมาแล้วนำไปจำหน่ายแข่งกับสินค้าจริง หรือถูกผู้จัดจำหน่าย(เอเย่นต์) ซึ่งเคยรับสินค้าจากไทยไปขาย เมื่อเห็นว่าสินค้านั้นๆ ขายดี ก็ไปจดเครื่องหมายการค้าเป็นของตนเอง และจ้างผู้อื่นให้ผลิต

 

“อีกกรณีคือมีพวกที่หัวหมอ ที่เห็นว่าสินค้านั้นๆ ขายดี ก็เอาเครื่องหมายการค้านั้นๆ ไปจดทะเบียน แล้วมาห้ามสินค้าของจริงเข้าไปจำหน่าย ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการที่แท้จริงได้รับผลกระทบอย่างมาก” นางนันทวัลย์ กล่าว

 

ทั้งนี้กรม ต้องการเตือนให้ผู้ผลิตสินค้าที่ส่งสินค้าไปจำหน่ายในตลาดต่างประเทศ จะต้องไปยื่นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในประเทศที่ส่งสินค้าออกไปจำหน่ายทุกประเทศ เพื่อป้องกันปัญหาการถูกละเมิด และหมั่นตรวจสอบว่ามีปัญหาการละเมิดเกิดขึ้นหรือไม่ เพราะหากรู้ก่อน ก็จะแก้ไขได้ทันท่วงที

 

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่กลางปี 2559 เป็นต้นไป ผู้ผลิตสินค้าสามารถใช้ประโยชน์จากการที่ไทยเข้าเป็นภาคีพิธีสารมาดริด ซึ่งในการมายื่นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่กรม จะสามารถระบุประเทศที่จะขอรับความคุ้มครองได้ โดยสามารถยื่นขอคุ้มครองได้ถึง 97 ประเทศ ทำให้ไม่ต้องเดินทางไปยื่นจดในประเทศที่จะส่งสินค้าไปขาย เป็นการประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย

 

อ้างอิงจาก  naewna.com

ขอบคุณรูปภาพจาก  www.aseanthai.net