2.1K
11 มกราคม 2559
ส.ขอนแก่นรุกอาหารจานเดียว เตรียมเปิดขายแฟรนไชส์ต้นปีหน้าเริ่มต้น 5 หมื่นบาท



ส.ขอนแก่น แตกบริษัทลูก”ไทยโฮมฟู้ด” ลุยธุรกิจอาหารจานเดียว ทั้งก๋วยเตี๋ยวและกับข้าว จับตลาดคนไทยที่ไม่นิยมทำอาหารกินเอง ประเดิมนำร่องทดลองเปิดจุดขาย 5 แห่ง ก่อนปีหน้าเปิดขายแฟรนไชส์ในรูปแบบคีออส ด้วยเงินลงทุนเบื้องต้น 5 หมื่นบาท


พร้อมป้อนสินค้าผลิตจากครัวกลางของบริษัท ขณะที่ผลการดำเนินงานยอดขายยังโต 8% แม้ต่ำกว่าที่คาดว่าจะเติบโต 2 หลัก คาดสิ้นปีทำยอดขาย 2.4 พันล้าน

นายเจริญ รุจิราโสภณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ส.ขอนแก่นฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารและอาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์ เปิดเผยกับ”ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ได้ลงทุนจัดตั้งบริษัท ไทยโฮมฟู้ด (กรุงเทพฯ) จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจจำหน่ายอาหารจานด่วนประเภทก๋วยเตี๋ยว ข้าวแกง ข้าวขาหมู ข้าวหมูแดง เครื่องดื่มและของฝาก ซึ่งบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 80% และผู้ที่อยู่ในธุรกิจอาหารถือหุ้นในสัดส่วน 20%

“ไทยโฮมฟู้ดจะเน้นสินค้าอาหารจานเดียว เบื้องต้นจะมีก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาแต้จิ๋ว ซึ่งส.ขอนแก่นผลิตลูกชิ้นปลาแต้จิ๋วจำหน่ายอยู่แล้ว และจะมีกลุ่มสินค้าเพื่อซื้อกลับบ้าน เป็นกับข้าว อาทิ ขาหมูพะโล้ และกับข้าวต่างๆ โดยจะขายในย่านชุมชนหรือตลาดนัด ที่สามารถให้รถจอดแวะซื้อได้ ราคาสินค้าจะขายเท่ากับท้องตลาดทั่วไป เมนูละประมาณ 40-50 บาท ส่วนก๋วยเตี๋ยวจะขายเมนูละ 40-45 บาท ซึ่งอาหารสำเร็จรูปจะผลิตจากครัวกลางของบริษัทส่งให้กับผู้ซื้อแฟรนไชส์ไปขาย ทำให้สินค้ามีคุณภาพและรสชาติเป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยหากได้รับการตอบรับที่ดี มีแผนขยายครัวกลางเพิ่มขึ้นในอนาคตด้วย”

สำหรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจ จะเปิดขายแฟรนไชส์ให้กับผู้สนใจ ระดับราคาประมาณ 5 หมื่นบาทในรูปแบบคีออส ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาตั้งชื่อแฟรนไชส์ ซึ่งคาดว่าน่าจะเริ่มเปิดขายแฟรนไชส์ได้ในปีหน้า เบื้องต้นจะลงทุนเปิดจุดจำหน่ายเอง 5 แห่งเพื่อทดลองตลาดก่อน ส่วนร้านก๋วยเตี๋ยวบริษัทจะเป็นผู้ออกแบบและฝึกอบรมให้กับผู้สนใจซื้อแฟรนไชส์ โดยการลงทุนจะขึ้นอยู่กับผู้ซื้อแฟรนไชส์เอง โดยบริษัทจะจำหน่ายวัตถุดิบต่างๆให้ ซึ่งชื่อร้านก๋วยเตี๋ยวเบื้องต้นอาจใช้ชื่อ ร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาแต้จิ๋ว เนื่องจากลูกชิ้นปลาของบริษัทได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักดีในท้องตลาด

นายเจริญ กล่าวอีกว่า การที่ได้ให้ความสำคัญกับธุรกิจอาหารจานด่วนมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันคนไทยไม่นิยมประกอบอาหารรับประทานเองที่บ้าน นิยมซื้อสินค้ากลับไปรับประทานที่บ้านมากกว่า โดยนิยมซื้อสินค้าตามตลาดนัดหรือแหล่งชุมชนต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่กว่าช่องทางโมเดิร์นเทรด คาดว่ามูลค่าตลาดอาหารพร้อมรับประทานในช่องทางตลาดสดน่าจะมีกว่าแสนล้านบาท

ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน มีอัตราการเติบโต 8% จากเป้าหมายที่คาดว่าจะเติบโตด้วยตัวเลข 2 หลัก ซึ่งเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะเดียวกันโรงงานผลิตลูกชิ้นปลาที่ลงทุนไปกว่า 300 ล้านบาท ก่อสร้างและเริ่มเดินเครื่องผลิตสินค้าล่าช้ากว่ากำหนด ส่วนโรงงานผลิตขนมขบเคี้ยวที่ใช้สำหรับทำตลาดในกลุ่มประเทศมุสลิม ยังไม่สามารถผลิตสินค้าได้ทันภายในปีนี้ เนื่องจากต้องรอได้รับใบอนุญาต ซึ่งคาดว่าจะเริ่มการผลิตได้ในช่วงต้นปีหน้า ทำให้ปีนี้ยังไม่มียอดจำหน่ายในสินค้ากลุ่มดังกล่าวเข้ามา

“ที่ผ่านมามีปัจจัยทั้งภายในและภายนอก ทำให้การเติบโตด้วยตัวเลข 2 หลักไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่ยอดขายของบริษัทก็ยังคงเติบโตต่อเนื่องทุกเดือน เพราะสินค้าของกินไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจเท่าไรนัก แต่มีปัญหาเรื่องการผลิตสินค้าไม่เป็นไปตามกำหนดที่วางไว้ ทำให้ยอดขายชะลอตัวลงไปบ้าง ซึ่งช่วง 2 เดือนสุดท้ายเชื่อว่าตลาดยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าพื้นเมือง อาทิ แหนม หมูยอ ซึ่งถือว่าเข้าสู่ฤดูกาลขายสินค้าดังกล่าว ยอดขายจึงคงเติบโตตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ โดยภาพรวมปีนี้คาดว่าจะทำรายได้รวม 2.4 พันล้านบาท”

อ้างอิงจาก  ฐานเศรษฐกิจ
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สาขาใหม่ มาแล้ว! ทูลเก..
6,139
PLAY Q by CST bright u..
1,315
มาแล้ว! #งานแฟรนไชส์ ม..
945
อร่อย! เลิศ! รสเด็ด ก๋..
942
สุดปัง! แฟรนไชส์หม่าล่..
790
ลงทุนกับ “ซุปซุป” ร้าน..
769
ข่าวแฟรนไชส์มาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด