1.9K
15 กันยายน 2558
พาณิชย์ รับนโยบาย"สมคิด"เดินหน้า 4 ภารกิจร้อน


พาณิชย์ รับนโยบายดร. สมคิดเดินหน้า 4 งานร้อนก่อนสิ้นปี “อภิรดี” ย้ำไม่ใช้จำนำ-ประกันราคาแก้ไขปัญหาข้าว เร่งทำตลาดส่งออกเตรียมโรดโชว์ฟื้นตลาดข้าวดั่งเดิม- สั่งเรียกประชุม พกค.ให้นายกฯ แก้ส่งออกติดลบ - เดินหน้าแก้กฎหมายแข่งขัน-ต่างด้าว ด้าน”สุวิทย์” เตรียมเรียกหารือผู้ส่งออกรายเซ็คเตอร์ สัปดาห์หน้า พร้อมแจงใช้นโยบายประชานิยมขึ้นอยู่กับจังหวะเวลาและความเข้มข้น

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นโยบายพาณิชย์จะดำเนินการสานต่อนโยบายเดิมและมุ่งบูรณาการงานระหว่างกระทรวงมากขึ้น โดยภาระกิจเร่งด่วน 4 เรื่อง ตามนโยบายของดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีมอบให้ 1) เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาค่าครองชีพ 2) การสร้างรายได้ให้เกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย และ3) พัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น เร่งผลักดันการส่งออก และ 4) เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการภาครัฐรวมถึงปรับปรุงกฎระเบียบ

“ระยะสั้น 3 เดือนต้องเร่งแก้ไขปัญหาที่เป็นคอขวดการค้าให้กับเอกชนก่อน แม้ว่าการเร่งรัดด้านการส่งออกอาจจะไม่สามารถพลิกกลับมาเป็นบวกได้ทันที แต่ต้องเร่งเต็มที่ ส่วนสินค้าเกษตรข้าว และยางพารา รัฐบาลจะไม่ใช้การจำนำหรือประกันรายได้แน่นอนจะใช้วิธีการหาตลาด เพื่อยกระดับราคา ส่วนมาตรการอื่นกำลังสรุปยังไม่ได้กำหนดชัดเจนจะช่วยเหลือชดเชยดอกเบี้ย หรือลดต้นทุนต่อหรือไม่”

สำหรับแนวนโยบาย 4 ด้าน ประกอบด้วย การแก้ไขปัญหาค่าครองชีพ มอบหมายให้ดูแลสินค้าที่มีต้นทุนหรือมีความเกี่ยวข้องกับน้ำมันซึ่งระดับราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงแล้วควรให้เป็นไปตามกลไกตลาดอย่างยุติธรรมและต้องไม่เกิดการเอารัดเอาเปรียบ เร่งรณรงค์แคมเปญการฉลาดซื้อประหยัดใช้ เพื่อให้ประชาชนตระหนึกว่าควรเลือกซื้อสินค้าที่มีคุณภาพและราคายุติธรรมอย่างกว้างขวาง และเพิ่มจำนวนร้าน Outlet รายย่อยที่มีราคาถูกให้มีจำนวนเพียงพอ ครอบคลุมทุกพื้นที่

ในส่วนการดูแลราคาสินค้าเกษตรเพื่อสร้างรายได้ให้เกษตรกรยืนยันว่าจะไม่มีการใช้นโยบายรับจำนำหรือประกันราคาแต่จะมุ่งเน้นผลักดันการส่งออกและเร่งรัดการส่งออกสินค้าเกษตรสำคัญ คือ ข้าว และยางพารา ที่มีการเจรจาขายให้กับต่างประเทศไปก่อนหน้านี้ รวมถึงส่งเสริมการทำตลาดเพื่อดึงตลาดที่เคยเป็นตลาดส่งออกเดิมของไทยกลับมา เช่น อิหร่าน อิรัก แอฟริกา และคู่ค้าเก่า เช่น ฮ่องกง และสิงคโปร์ ซึ่งจะมีการจัดคณะเดินทางไปในเร็วๆนี้

พร้อมทั้งส่งเสริมการผลิตสินค้าที่มีมูลค่าสูง จากการแปรรูปเชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรม และส่งเสริมธุรกิจท้องถิ่น
เช่น สินค้า OTOP สินค้าที่ให้ความคุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) สินค้า Organic ให้สามารถเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิตไปถึงผู้ค้า และปฏิรูประบบฐานข้อมูลสินค้าเกษตร ให้มี Situation Room

นางอภิรดี กล่าวว่า ในด้านการผลักดันการส่งออก ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกำหนดจัดการประชุมคณะกรรมการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ (พกค.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในเร็วๆนี้ เพื่อทำงานร่วมกับภาคเอกชน ในการแก้ไขปัญหาคอขวดที่เป็นอุปสรรคในการส่งออก เจรจาการค้าทั้งระดับทวิภาคี ภูมิภาคและพหุภาคี และเร่งรัดการพัฒนาการค้าภาคบริการ เพิ่มมูลค่า กำหนดยุทธศาสตร์การค้าเชิงลึกในอาเซียน รวมถึงการสร้างนักรบเศรษฐกิจใหม่ ส่งเสริมเอสเอ็ม ให้มีการพัฒนาไปสู่การส่งออก

ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดคลัสเตอร์สินค้าสำคัญที่จะเร่งผลักดัน ได้แก่ ธุรกิจดิจิตัลคอนเท็น ฟิล์มและภาพยนต์ ธุรกิจแฟชั่น-ไลฟ์สไตล์ ธุรกิจสุขภาพและความงาม ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจค้าปลีกและแฟรนไชส์ ธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับ ธุรกิจยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์

นอกจากนี้จะมีการบูรณากับกระทรวงไอซีที เพื่อส่งเสริมการทำธุรกิจอี-คอมเมิร์ช โดยเฉพาะต้องแก้ไขปัญหาเรื่องระบการชำระเงินในอี-คอมเมิร์ชให้ธุรกิจสามารถดำเนินการได้ สร้าง Start up ตามนโยบายของดร.สมคิด พัฒนาและลดปัญหาอุปสรรคในการค้าชายแดน เช่น ความหนาแนนในด่านสะเดา จ.สงขลา การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทั้งสินค้าและบริการ โดยส่งเสริมให้มีการทำวิจัย และสร้างแบรนด์ ทั้งแบรนด์ไทยและอาเซียนแบรนด์

และด้านสุดท้ายการส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานเพื่ออำนวยความสะดวกให้เอกชนและแก้ไขปัญหาการค้า โดยจะมีการเดินหน้าแก้ไขกฎหมาย พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2542 และจะศึกษาความเป็นไปได้ในการแก้ไข พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ว่าจะสามารถหรือจำเป็นต้องแก้ไขประเด็นใดหรือไม่

ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ตามที่ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จะมีการเรียกประชุมผู้ประกอบการรายสินค้า (เซคเตอร์) รายกลุ่มนับตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป  เพื่อทราบปัญหาและอุปสรรคของแต่ละกลุ่มรวมถึงแนวทางส่งเสริมการส่งออก และอาจจะมีการประสานงานระหว่างกระทรวงในการแก้ไขปัญหา เช่น กระทรวงการคลัง ว่าจะสามารถช่วยเหลือให้แพ็คกิ้งเครคิตได้หรือไม่ หรือช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้าอะไรได้บ้าง

“3 เดือนต้องทำงานให้เต็มที่ ยอมรับว่าเศรษฐกิจโลกส่งผลให้ทุกประเทศประสบปัญหาส่งออกไม่ได้ แต่หากไทยสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาด ได้ ก็ถือว่าดีแล้ว และที่สำคัญต้องเร่งสร้างความเข้มแข็งจากภายใน เพื่อให้เกิดความสมดุล และต้องเร่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะภาคบริการ และการสร้างเศรษฐกิจชุมชนให้เข้มแข็งมีการลงทุน การจ้างงานในท้องถิ่น”

ต่อประเด็นการใช้นโยบายประชานิยมหรือไม่นั้น ดร.สุวิทย์ กล่าวว่า หากเหตุการณ์บ้านเมืองไม่ปกติ สังคมอยู่ไม่ได้ ก็ใช้นโยบายช่วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถูกเรียกว่าประชานิม แต่การทำประชานิยมมีหลายระดับ ทั้งระดับเข้ม กลาง อ่อน ยกตัวอย่างเช่น การมีกองทุนหมูบ้าน หากประชาชนกู้ไปสร้างหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ถือว่าผิดวัตถุประสงค์ แต่หากกู้ไปเพื่อสร้างอาชีพ ประกอบธุรกิจ ก็ถือว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์ ดังนั้น ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้ในจังหวะเวลาที่เหมาะสม และในระดับที่เหมาะสม หรือไม่

ทั้งนี้ นางอภิรดี ดูแลกรมการค้าภายใน กรมการค้าต่างประเทศ และกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และได้มอบหมายงานให้ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ดูแลงานในส่วนของกรมทรัพย์สินทางปัญญา กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ

อ้างอิงจาก  ประชาชาติธุรกิจ
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สาขาใหม่ มาแล้ว! ทูลเก..
5,535
PLAY Q by CST bright u..
1,205
มาแล้ว! #งานแฟรนไชส์ ม..
940
อร่อย! เลิศ! รสเด็ด ก๋..
931
สุดปัง! แฟรนไชส์หม่าล่..
784
ลงทุนกับ “ซุปซุป” ร้าน..
757
ข่าว SMEsมาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด