|
|
17 กรกฎาคม 2558 |
เติมความแข็งแกร่งเอสเอ็มอี สสว.จัดเต็มแหล่งทุน- เทคโนโลยี- การตลาด
สสว.จับมือ 32 หน่วยงานรัฐ-เอกชน เสริมความเข้มแข็งธุรกิจ SME จัดเต็มสิทธิประโยชน์ด้านการเข้าถึงแหล่งทุน การตลาด องค์กรความรู้ หวังให้เกิดการต่อยอดและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้ผู้ประกอบการ ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ยั่งยืน
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในโอกาสเป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมและสนับสนุนศักยภาพของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ปี 2558 เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2558 ว่ารัฐบาลและตนเองในฐานะประธานกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เฉพาะกิจ)ให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs มาโดยตลอด และมอบหมายให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ในทุกรูปแบบ
โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่ยังขาดการเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน ทำให้การสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ SMEs ยังเป็นไปอย่างไม่มีประสิทธิภาพมากนัก เช่น การสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี หรือการบ่มเพาะผู้ประกอบการ SMEs ที่ใช้เทคโนโลยีอย่างเข้มข้นในการดำเนินธุรกิจ (Technological-based SMEs)
รวมถึงจำเป็นต้องมีระบบสนับสนุนด้านเงิน และมีการตลาดรองรับ ปัจจุบันรัฐบาลได้แก้ปัญหาการเข้าถึงแหล่งทุนให้กับผู้ประกอบการ SMEs ด้วยการออกมาตรการต่างๆ อาทิ การจัดตั้งกองทุนร่วมลงทุน โครงการสินเชื่อรายย่อยเพื่อผู้ประกอบอาชีพ หรือ นาโนไฟแนนซ์ โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือ Policy Loan เพื่อช่วยเหลือประคับประคอง SMEs ขนาดเล็ก การค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ SMEs เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม โครงสร้างพื้นฐานสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่มีอยู่ ยังอยู่ในวงจำกัด หน่วยงานภาครัฐส่วนใหญ่ยังกระจุกตัวอยู่ในส่วนกลาง คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เฉพาะกิจ) จึงอนุมัติให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จัดทำนโยบายและยุทธศาสตร์การส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ของประเทศไปจัดตั้งศูนย์ให้บริการ SME ครบวงจร หรือ SME One Stop Service : OSS ขึ้น
เพื่อเป็นช่องทางในการติดต่อ เชื่อมโยง ส่งต่องานบริการ ภาครัฐและภาคเอกชนให้กับผู้ประกอบการ ครอบคลุมทั้งการให้ข้อมูลความรู้ คำปรึกษาแนะนำในการดำเนินธุรกิจ การอบรม/สัมมนา รวมถึงการขึ้นทะเบียน SME และเป็นช่องทางในการรับและดำเนินการด้านเอกสารของผู้ประกอบการ SMEs กับหน่วยงานภาครัฐ
นางสาววิมลกานต์ โกสุมาศ รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการสสว.กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ประกอบการ SMEs กว่า 2.7 ล้านราย และองค์กรที่ทำหน้าที่ให้บริการแก่ผู้ประกอบการ SMEs ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะหน่วยงานภาครัฐ แต่ครอบคลุมไปถึงองค์กรเอกชน สถาบันการเงิน สถาบันการศึกษา ซึ่งรวมเรียกว่า SMEs Service Provider หรือกลุ่มผู้ให้บริการ SMEs
วัตถุประสงค์เพื่อร่วมมือกันเสริมสร้างขีดความสามารถและการถ่ายทอดองค์ความรู้สู่ผู้ประกอบการ SMEs รวมถึงให้คำปรึกษาแนะนำในการดำเนินธุรกิจในรูปแบบต่างๆ และการจัดกิจกรรมส่งเสริมช่องทางการจำหน่ายสินค้า เพื่อให้เครือข่ายผู้บริหาร SMEs ส่งต่อผู้ประกอบการ SMEs ไปยังหน่วยงานร่วมอื่นๆซึ่งจะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ SMEs
รวมถึงเพื่อจัดหาสิทธิประโยชน์มาสนับสนุนการดำเนินธุรกิจแก่ผู้ประกอบการ SMEs ผ่านศูนย์ให้บริการ SME ครบวงจร หรือ SME One Stop Service : OSS ซึ่ง สสว. จะได้นำร่องจัดตั้งขึ้นทั้งหมด 7 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพฯ จำนวน 1 แห่ง ณ ที่ทำการ สสว. อาคาร TST ถนนวิภาวดีรังสิต และในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ จำนวน 6 แห่ง ได้แก่ อ.แม่สอด จ.ตาก จ.สระแก้ว จ.สงขลา จ.มุกดาหาร จ.ตราด และ จ.หนองคาย เพื่อส่งความช่วยเหลือโดยตรงถึงผู้ประกอบการ SMEs
“ความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นพลังขับเคลื่อนให้ผู้ประกอบการ SMEs มีศักยภาพในการแข่งขันอย่างต่อเนื่องและรอบด้าน ซึ่งหน่วยงานพันธมิตรทุกหน่วยงานได้ร่วมจัดสิทธิประโยชน์ด้านต่างๆ ให้แก่ ผู้ประกอบการ SMEs เช่นการให้อัตราดอกเบี้ยพิเศษจากสถาบันการเงิน ส่วนลดสินค้าและบริการเป็นกรณีพิเศษ การเพิ่มช่องทางการตลาด หรือการใช้เทคโนโลยีตลาดออนไลน์ ตลอดจนมีการเชื่อมโยงความรู้ที่เป็นประโยชน์
ซึ่งต่อไปความร่วมมือนี้จะขยายไปถึงการจัดทำ SMEs Application และการส่งต่อผู้ประกอบการ SMEs ภายใต้การดำเนินงานของศูนย์บริการ SMEs ครบวงจร ของ สสว. เพื่อสร้างความเข้มแข็งและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ SMEs ให้เติบโต สู่การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน”นางสาววิมลกานต์กล่าว
การลงนามความร่วมมือครั้งนี้ ประกอบด้วยหน่วยงานภาครัฐ องค์กรเอกชน และสถาบันการเงิน 32 หน่วยงาน จำแนกความร่วมมือเป็นด้านต่างๆ ได้แก่ ด้านเพิ่มขีดความสามารถในการเข้าถึงแหล่งทุน ด้านการสื่อสาร เทคโนโลยี การตลาดออนไลน์ ด้านการค้า การส่งเสริมช่องทางการตลาด ด้านการบริหารจัดการธุรกิจ ด้านการผลิต นวัตกรรม วิจัยและพัฒนา ด้านการจัดการความเสี่ยงทางธุรกิจ ด้านการประกันภัย และด้านสายการบิน รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ เช่น กรมบังคับคดี และกรมบัญชีกลาง
อ้างอิงจาก แนวหน้า
|
|
|
|