|
|
|
|
24 มกราคม 2558 |
พีดีเฮ้าส์พอใจยอดจองสร้างบ้าน ชี้กำลังซื้อโตต่อเนื่องถึงไตรมาส1ปี’58
นายพิศาล ธรรมวิเศษ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีดีเฮ้าส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เจ้าของสิทธิ์แฟรนไชส์ศูนย์รับสร้างบ้าน “พีดีเฮ้าส์” และ “เอคิวโฮม” เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2557 ที่ผ่านมา มีจำนวนลูกค้าเข้ามาใช้บริการสร้างบ้านเพิ่มมากขึ้น
โดยบริษัทมียอดจองสร้างบ้านจาก 43 สาขาทั่วประเทศ คิดเป็นมูลค่า 390 ล้านบาท เติบโต 21% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2557 ส่งผลให้ทั้งปี 2557 บริษัทมียอดขายรวม 1,700 ล้านบาท แต่ถือว่ายังต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 2,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามจากบรรยากาศทางการเมืองที่นิ่ง และภาวะเศรษฐกิจไทยตลอดปี 2557 ที่ค่อนข้างจะชะลอตัวต่อเนื่อง บริษัทถือว่าค่อนข้างพอใจกับยอดขายดังกล่าว และยอดขายที่เติบโตในช่วงท้ายปี 2557 ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีมาก และสะท้อนให้เห็นได้ว่าผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายเริ่มมีความเชื่อมั่นต่อบรรยากาศทางการเมืองและภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันมากขึ้น
ทั้งนี้จากสถานการณ์ดังกล่าว บริษัทคาดว่ากำลังซื้อผู้บริโภคจะยังเติบโตต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 1 ปี 2558 โดยพิจารณาจากปริมาณของผู้ที่สนใจจะสร้างบ้านหลังใหม่ที่ติดต่อเข้ามายังสาขาศูนย์รับสร้างบ้านของบริษัท ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2557 ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างมาก และพร้อมจะตัดสินใจสร้างบ้านในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2558 โดยเฉพาะส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้านักธุรกิจ ผู้บริหาร และข้าราชการะดับสูง ซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายของบริษัท
สำหรับปี 2558 นี้ แม้ผู้ประกอบการในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ต่างกังวลกับทิศทางการเติบโตของภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯและปริมณฑล ขณะที่ตลาดที่อยู่อาศัยในต่างจังหวัดก็คาดกันว่ากำลังซื้อจะชะลอตัว จากปัจจัยราคาสินค้าเกษตรและรายได้ของคนต่างจังหวัดที่ลดลง รวมทั้งมองว่าครึ่งปีแรกเศรษฐกิจน่าจะยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตามในส่วนของตลาดรับสร้างบ้านซึ่งเป็นกลุ่มหนึ่งในบ้านสร้างเอง บริษัทมองว่าจะได้รับผลกระทบไม่มากนัก เนื่องจากปริมาณบ้านสร้างเองประเภทบ้านเดี่ยวนั้น ยังเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่มาก หรือเฉลี่ยปีละประมาณ 70,000-80,000 หน่วย (ยูนิต) ทั่วประเทศ หรือมีมูลค่ารวมกว่า 1 แสนล้านบาท โดยเฉพาะความต้องการสร้างบ้านของคนในต่างจังหวัดที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง
ในขณะที่เมื่อเทียบกับส่วนแบ่งตลาดของกลุ่มบริษัทรับสร้างบ้าน ที่คาดว่าจะสามารถมีส่วนแบ่งในปี 2558 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 15,000-16,000 ล้านบาท หรือประมาณ 15-20% เท่านั้น กับส่วนแบ่งตลาดส่วนใหญ่หรืออีกประมาณ 75-80% ของมูลค่าบ้านสร้างเอง ยังคงเป็นของผู้รับเหมารายย่อยทั่วไป ดังนั้นโอกาสยังเปิดกว้างอีกมากสำหรับบริษัทรับสร้างบ้านที่มีความพร้อมที่จะเปิดใหม่ หรือขยายสาขาในต่างจังหวัด
อ้างอิงจาก แนวหน้า
|
|
|
|
|
