3.4K
5 มกราคม 2558
ม.หอการค้าฯ เผย 10 ธุรกิจดาวรุ่ง-ร่วง ปี 58 ธุรกิจความงาม ครองแชมป์



ม.หอการค้าไทยเผย 10 ธุรกิจดาวรุ่ง-ร่วงปี 58 ชี้ธุรกิจทางการแพทย์และความงามยังครองแชมป์อันดับ 1 ถึง 3 ปีซ้อน ส่วนธุรกิจดาวร่วง มีทั้งธุรกิจดอกไม้ประดิษฐ์ หัตถกรรม ผักผลไม้ พร้อมคาดเศรษฐกิจไทยปีหน้าขาขึ้น เริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวไตรมาส 2

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึง 10 อันดับธุรกิจดาวเด่น-ร่วงในปี 58 ซึ่งพิจารณาจากปัจจัยด้านยอดขาย ต้นทุน กำไรสุทธิ ความสามารถในการรับผลจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ และความสอดคล้องกับกระแสนิยมว่า

ธุรกิจบริการทางการแพทย์และความงามยังเป็นธุรกิจที่มีความโดดเด่นเป็นอันดับหนึ่ง โดยมีคะแนนรวมสูงถึง 93.7 คะแนน และครองอันดับ 1 ติดต่อกัน 3 ปีซ้อน รองลงมาคือ ธุรกิจเครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว มีคะแนนรวม 93.1 คะแนน ซึ่งทั้งสองธุรกิจนี้มีความโดดเด่นทั้งยอดขายและกำไร เพราะพฤติกรรมในการดูแลผิวพรรณของคนไทยมีมากขึ้น ส่วนอันดับ 3 คือ ธุรกิจเทคโนโลยีสื่อสาร มีคะแนน 92.9 คะแนน เพราะมีความต้องการใช้มากขึ้น อีกทั้งการเข้าสู่ยุค 4 จี จึงทำให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น แต่มีการแข่งขันด้านราคาสูง


ขณะที่อันดับ 4 คือ ธุรกิจการศึกษา และธุรกิจท่องเที่ยว 92.6 คะแนน อันดับ 5 ธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิต 91.6 คะแนน อันดับ 6 ธุรกิจเครื่องดื่ม 90.2 คะแนน อันดับ 7 ธุรกิจถุงมือยาง ถุงมือตรวจโรคและธุรกิจก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง 89.9 คะแนน อันดับ 8 ธุรกิจสินค้าสำหรับผู้สูงอายุ 89.1 คะแนน อันดับ 9 มี 2 ธุรกิจ คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (แนวดิ่ง) และธุรกิจร้านกาแฟ 86.6 คะแนน และอันดับ 10 ธุรกิจประมงน้ำจืด และธุรกิจจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ 88.1 คะแนน

“ธุรกิจที่โดดเด่นในปีหน้าส่วนใหญ่มาจากการขยายตัวตามสิ่งที่เกิดตามธรรมชาติ เช่น การรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การเปลี่ยนแปลงสู่สังคมเมืองมากขึ้น และมาจากนโยบายภาครัฐ เช่น การลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐาน การผลักดันให้เข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลและการมีเขตเศรษฐกิจพิเศษ จึงทำให้เกิดการลงทุนในธุรกิจเหล่านี้ตามมา”

สำหรับธุรกิจดาวร่วงในปี 58 ได้แก่ ธุรกิจดอกไม้ประดิษฐ์, ธุรกิจหัตถกรรมทั่วไป, ผักผลไม้อบแห้ง, สิ่งทอผ้าผืน (งานไม่เน้นฝีมือ), ร้านค้าดั้งเดิม (โชห่วย), ยางพารา, โทรทัศน์สีรุ่นธรรมดา (จอตู้), ข้าว, ส้วมนั่งยอง และรถจักรยานยนต์ (มอเตอร์ไซค์) โดยมอเตอร์ไซค์จะเป็นธุรกิจที่เห็นชัดถึงการเปลี่ยนของสังคมเมือง เพราะผู้บริโภคจะหันไปซื้อรถยนต์นั่ง (รถเก๋งขนาดเล็ก) หรือบิ๊กไบค์มากขึ้น



นายธนวรรธน์ กล่าวต่อถึงเศรษฐกิจไทยในปีหน้าว่า จะเป็นช่วงขาขึ้น คาดว่าจะขยายตัว 4% การส่งออกขยายตัว 4.1% การบริโภคภายในประเทศขยายตัว 2.7% การลงทุนขยายตัว 6.9% ภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 4.5% ภาคเกษตรขยายตัว 1.6% และอัตราเงินเฟ้อขยายตัว 2.3%

“การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกจะเริ่มเห็นในช่วงครึ่งหลังของปี 58 โดยภาวะเศรษฐกิจในไทยจะเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 2 ปีหน้า เพราะเงินอัดฉีดจากรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจะเริ่มเข้าระบบและเดินเครื่องในช่วงเดือน ม.ค.58 ซึ่งจะทำให้ภาพรวมการท่องเที่ยวดีขึ้นตามมา อย่างไรก็ดี ธุรกิจที่ยังขยายตัวอยู่ส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่เป็นหลัก ขณะที่ธุรกิจรายเล็กยังขยายตัวได้ไม่ดีนัก เพราะกำลังซื้อฐานรากยังไม่ดี”

ส่วนอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทในปี 58 น่าจะอ่อนค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 33 - 34 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ โดยในช่วงครึ่งปีแรกต้องยอมรับว่าค่าเงินเหรียญสหรัฐฯ จะแข็งค่าขึ้น จากการที่สหรัฐอเมริกาขึ้นดอกเบี้ย และในช่วงครึ่งปีหลังค่าเงินบาทน่าจะกลับมาอยู่ที่ 32.5 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ได้ ส่วนราคาน้ำมันคาดว่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีนี้ เฉลี่ยอยู่ที่ 80-90 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล


 
อย่างไรก็ตาม การจัดงานมหกรรมของขวัญลดราคาสินค้าของกระทรวงพาณิชย์ตั้งแต่วันที่ 24-30 ธ.ค.นี้ น่าจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้ 10,000-15,000 ล้านบาท หรือ 0.05% ของจีดีพี และหากรวมกิจกรรมอื่นๆ เข้าไป คาดว่าในช่วงไตรมาส 3-4 ของปีนี้ น่าจะช่วยเพิ่มจีดีพีได้ 0.3-0.4% ส่งผลให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปีนี้มีโอกาสขยายตัวได้ถึง 1% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 0.8%

อ้างอิงจาก ไทยรัฐ
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
alls BUBBLE TEA แฟรนไช..
1,116
ยู้ฮู หวานเย็นเปิดสาขา..
1,025
รสเด็ดก๋วยเตี๋ยวกระทุ่..
917
สัมมนาลงทุน แฟรนไชส์คุ..
749
ยินดีต้อนรับ “ครอบครัว..
674
DOCTOR COSMETICS ACADE..
598
ข่าว SMEsมาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด