3.4K
4 มกราคม 2558
เจ.ไอ.บี ปรับกระบวนรบธุรกิจไอที เพิ่มทีมออนไลน์รุกค้าส่งขยายฐานลูกค้าพรีเมี่ยม



ยักษ์ค้าปลีกไอที "เจ.ไอ.บี." ปรับแผนสู้ศึกปีหน้าขยับลุยธุรกิจค้าส่งเต็มตัวเพิ่มทีมงาน-อัพเกรดระบบหลังบ้านดึงออนไลน์เสริมทัพครบวงจร พร้อมผุดช็อปแนวใหม่ "MINE" ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้ทันสมัยเจาะลูกค้าไฮเอนด์ และเตรียมเปิดแฟรนไชส์อินเทอร์เน็ตคาเฟ่เพิ่มโอกาสธุรกิจ ทำใจรายได้ปีนี้ต่ำเป้าได้แค่ 6,000 ล้าน แต่ปีหน้าตั้งเป้า 7,500 ล้านบาท

นายสมยศ เชาวลิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ.ไอ.บี. คอมพิวเตอร์ กรุ๊ป จำกัด เจ้าของร้านค้าปลีกสินค้าไอที "เจ.ไอ.บี." เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดคอมพิวเตอร์ยังไม่กลับมาหลังจากกำลังซื้อชะลอตัวตั้งแต่ปลายปีก่อน ผู้ประกอบการทุกรายต้องปรับตัวเช่น เปลี่ยนไปจำหน่ายโทรศัพท์มือถือหรือสินค้าอื่นเพิ่ม ขณะที่ร้านค้าปลีกขนาดเล็กทยอยปิดตัวไปบ้าง เห็นได้จากร้านค้าในตึกคอมพ์ที่ลดลง

ขณะที่บริษัทเลือกใช้โอกาสที่คู่แข่งไปจำหน่ายสินค้าอื่นหันมาเน้นการจำหน่ายคอมพิวเตอร์สั่งประกอบ (ดีไอวาย) ที่มีระดับราคา 2-3 หมื่นบาท เนื่องจากกระแสอีสปอร์ตในไทยที่กำลังเติบโตจากการปลุกตลาดของผู้ให้บริการเกมออนไลน์ ประกอบกับร้านอินเทอร์เน็ตต้องปรับเป็นร้านเกมใช้คอมพิวเตอร์สเป็กสูง จึงเป็นโอกาสใช้เชี่ยวชาญที่มีอยู่สร้างรายได้



"ในปี 2558 จะกลับมาบุกธุรกิจค้าส่งอีกครั้งจากที่เคยทำเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว แต่ไม่จริงจังนัก แต่จากนี้จะวางระบบเพื่อรุกค้าส่งเต็มรูปแบบ ทั้งหมดจะทำบนระบบออนไลน์ กลุ่มค้าส่งจะมีรหัสสมาชิกและราคาพิเศษในกรณีสั่งซื้อจำนวนมาก ตั้งแต่ 20-50 เครื่องเป็นต้นไป ถ้าซื้อเครื่องกับเรามีประกันจาก เจ.ไอ.บี. ไม่เหมือนร้านสั่งประกอบทั่วไป"

โดยใช้ทีมการตลาดออนไลน์ที่มีอยู่แล้วราว 20 คนมาดูแล และจะจ้างใหม่อีกไม่เกิน 10 คน นอกจากนี้ ยังมีแผนจะเปิดร้านอินเทอร์เน็ตในรูปแบบแฟรนไชส์ ภายใต้แบรนด์ "เจ.ไอ.บี." ด้วย แม้ว่าการแข่งขันจะค่อนข้างสูง แต่บริษัทมีจุดแข็งหลายด้านที่ทำได้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียดต่าง ๆ ให้เสร็จภายในสิ้นปีนี้ก่อนที่จะเปิดตัวในปีหน้า

และเพื่อตอกย้ำการเป็นร้านจำหน่ายคอมพิวเตอร์สั่งประกอบสำหรับกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบน รวมถึงปรับภาพลักษณ์ของบริษัทให้ทันสมัย และเข้าถึงไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่มากขึ้น เมื่อต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ได้เปิดตัวร้านโฉมใหม่ภายใต้แบรนด์ใหม่ Mine ที่เซ็นทรัลพระราม 2 ที่จะตกแต่งร้านต่างไปจาก เจ.ไอ.บี เดิม

โดย MINE เน้นดีไซน์ตั้งแต่รูปแบบร้านไปจนถึงการเลือกอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่จะนำมา โชว์จะเน้นระดับไฮเอนด์ทั้งเดสก์ทอป, โน้ตบุ๊ก และในปีหน้าวางแผนเปิดเพิ่มอีก 2 แห่ง ที่เซ็นทรัลพระราม 9 และเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า เพราะที่ผ่านมาได้รับผลตอบรับที่ค่อนข้างดีจากผู้บริโภค


"ผลตอบรับดีทำให้เราวางแผนเปิดสาขาเพิ่มอีก 2 แห่ง โดยคงคอนเซ็ปต์เดิมเพื่อเพิ่มความชัดเจนในความเป็นผู้นำสินค้าดีไอวาย และเตรียมเปลี่ยนโลโก้บริษัท และจัดวางสินค้าในร้านให้ทันสมัยขึ้น เน้นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เป็นหลักรองลงมาเป็นโน้ตบุ๊ก และเดสก์ทอปออลอินวัน ส่วนสมาร์ทดีไวซ์จะเลือกเฉพาะสาขาที่คนพลุกพล่าน มีสัดส่วนประมาณ 10% ของพื้นที่ร้านเมื่อเทียบกับสินค้าอื่น"

ปัจจุบัน เจ.ไอ.บี.มีสาขาทั้งหมด 140 แห่ง โดยเป็นการเปิดเพิ่มในปีนี้ 12 แห่ง หลังจากปิดไป 25 แห่งในปีก่อนหน้านั้น เนื่องจากในบางพื้นที่มีหลายสาขามากเกินไป
เช่น พันธุ์ทิพย์พลาซาประตูน้ำ มี 5 แห่ง เหลือ 1 แห่ง เป็นต้น อย่างไรก็ตาม สาขาที่เซียร์รังสิตยังคงมีมากกว่า 10 แห่ง เพราะเป็นจุดขายหลักสำหรับลูกค้าต่างจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ขณะที่รายได้ปีนี้ เดิมตั้งเป้าไว้ที่ 6,400 ล้านบาท แต่จากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ยังไม่กลับมาทำให้คาดว่าจะทำได้เพียง 6,000 ล้านบาท มาจากการจำหน่ายชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์สั่งประกอบ (ดีไอวาย) 70%, โน้ตบุ๊ก 20% ส่วนที่เหลือเป็นสมาร์ทดีไวซ์และสินค้าอื่น ๆ



โดยยอดขายกว่า 90% เป็นการขายผ่านร้านค้าปลีก และ 10% จากออนไลน์ ส่วนในปี 2558 ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 7,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากธุรกิจค้าส่งเป็นหลักรวมถึงการขยายสาขาตามห้างเปิดใหม่ สัดส่วนยอดขายมาจากหน้าร้าน 80% และออนไลน์ 20%

อ้างอิงจาก ประชาชาติธุรกิจ
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สาขาใหม่มาแล้ว! บุราณ ..
963
รวมภาพบรรยากาศ คอร์ส F..
662
“เติมพลังความรู้” กับ ..
595
มาโนอิ ร่วมงานครบรอบ 1..
565
สมาร์ทเบรน จินตคณิต เป..
558
โทกิวอช ร้านสะดวกซัก เ..
521
ข่าวแฟรนไชส์มาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด