4.0K
1 ธันวาคม 2557
ลอว์สัน ชูขายอาหารปรุงสด กำไรพุ่งเร่งขยายสาขา รัฐบี้ลดสินค้าของขวัญ




ลอว์สันเผยรายได้รวม 2 พันล้าน โตจากปีก่อน 20% หวังชูครัวปรุงสดตามสั่งเป็นจุดขาย หลังมียอดขายเพิ่มขึ้นต่อร้าน 50% ตั้งเป้าขยายครบ 1,000 สาขาภายใน 5 ปี เล็งเปิดขายแฟรนไซส์ปีหน้า “ฉัตรชัย” นัดผู้ผลิต ห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีก 30 รายหารือแพ็กเกจของขวัญปีใหม่

นายโคเรอากิ ทามุระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สห ลอว์สัน จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 2,000 ล้านบาท มีสัดส่วนเติบโตจากปีก่อน 20% ซึ่งคิดเฉลี่ยอัตราการเติบโตต่อร้านอยู่ที่ 30-50% ซึ่งเป็นผลจากการขยายสาขาเพิ่มในปีนี้ถึง 50% ทำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น อีกทั้งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้พัฒนาคุณภาพการบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น


ด้วยการเปิดครัวปรุงสดตามสั่ง เดอะคิทเช่น ลอว์สัน 108 ซึ่งมีด้วยกัน 10 สาขา ในพื้นที่ใจกลางเมือง โดยลูกค้าสามารถเลือกเมนูอาหารที่มีอยู่กว่า 70 รายการ ได้ตามต้องการ ซึ่งได้รับความสนใจค่อนข้างมาก จนมียอดขายเพิ่มขึ้นในร้านที่มีครัวปรุงสดถึง 50%

ทั้งนี้ ปัจจุบันลอว์สันมีสาขาทั้งสิ้น 31 แห่ง แบ่งเป็นร้านลอว์สัน 108 จำนวน 10 แห่ง ซึ่งพัฒนามาจากร้าน 108 ช็อป ที่มีอยู่จำนวน 200 แห่ง และอีก 21 แห่ง เป็นร้านลอว์สันที่เปิดขึ้นมาใหม่ โดยบริษัทตั้งเป้าการลงทุนขยายสาขาให้ครบ 1,000 แห่ง ภายใน 5 ปี โดยจะมีสัดส่วนของการเปิดเป็นระบบแฟรนไชส์ 50% ซึ่งเบื้องต้นจะได้เห็นร้านที่เป็นแฟรนไชส์ในช่วงไตรมาส 3-4 ของปีหน้า


 
"เราไม่ได้มองว่าการแข่งขันกับคู่แข่งจะต้องเป็นการขยายสาขาให้ได้มากที่สุด แต่เราเน้นที่บริการที่พึงพอใจ และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด การเปิดครัวในร้านเพื่อบริการอาหารปรุงสดนั้น เป็นการยกรูปแบบลอว์สันจากญี่ปุ่นมาใช้ ซึ่งเป็นอาหารที่หลายคนรู้จักและยอดนิยมอยู่แล้ว อีกทั้งวัตถุดิบที่ใช้ก็สดใหม่ เชื่อว่าคนไทยจะชื่นชอบเช่นเดียวกับคนญี่ปุ่น เพราะลอว์สันที่ญี่ปุ่น ติดอันดับ 2 ในกลุ่มร้านสะดวกซื้อ มี 12,000 สาขา รองจาก ร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น ที่มี 15,000 สาขา" นายโคเรอากิ กล่าว
   
สำหรับมูลค่าตลาดรวมร้านค้าปลีกในไทยอยู่ที่ 2.7 ล้านล้านบาท เป็นมูลค่าของร้านค้าสะดวกซื้อประมาณ 1.2-1.3 หมื่นล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ในวันที่ 28 พ.ย. พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้นัดหารือร่วมกับผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ห้างสรรพสินค้า และห้างค้าปลีกสมัยใหม่ ประมาณ 30 ราย เพื่อพิจารณาจัดทำแพ็กเกจของขวัญปีใหม่ในการปรับลดราคาสินค้าที่จะดำเนินการพร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อช่วยลดค่าครองชีพเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนตามนโยบายของรัฐบาล


ทั้งนี้ ในการปรับลดราคาสินค้า จะลดราคาทั้งสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น กลุ่มเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า สบู่ แชมพู ยาสระผม ผงซักฟอก และกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยแนวทางในการดำเนินการจะขอให้ผู้ผลิตปรับลดราคาสินค้าลงมา และขอให้ห้างปรับลดราคาลงด้วย ซึ่งจะทำให้สินค้ามีราคาลดลงได้มากกว่าปกติ

อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามไปยังผู้ผลิตสินค้าได้ให้ข้อมูลว่า ในการดำเนินการปรับลดราคา ยังมีปัญหาในทางปฏิบัติ เนื่องจากกระทรวงพาณิชย์ต้องการให้ผู้ผลิตปรับลดราคาเพียงอย่างเดียว ขณะที่การเจรจากับห้างสรรพสินค้าและห้างค้าปลีกในการปรับลดค่าธรรมเนียมต่างๆ ก็ไม่มีความคืบหน้า เพราะห้างได้ตั้งเงื่อนไขไว้มาก และแจ้งว่าถ้าจะลดให้ ผู้ผลิตก็ต้องลดราคาลงไปอีก ทำให้มีแนวโน้มที่จะขาดทุน เพราะต้องลดราคาสินค้าลงมาจากต้นทุนปกติ แต่ยังต้องเสียค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ต้องจ่ายให้กับห้างเหมือนเดิม


ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์จะต้องให้ความช่วยเหลือด้วยการเจรจากับห้างเพื่อให้ลดค่าธรรมเนียมต่างๆ ลงมาด้วย ไม่ใช่มาบีบให้ผู้ผลิตลดราคาเพียงอย่างเดียว  เพราะถ้าอยากให้โครงการประสบความสำเร็จ ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ไม่ใช่ผลักภาระมาให้ผู้ผลิต เพราะทุกวันนี้ อัตราส่วนกำไรก็ไม่ได้มากมาย.

อ้างอิงจาก  ไทยโพสต์
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สาขาใหม่มาแล้ว! บุราณ ..
963
รวมภาพบรรยากาศ คอร์ส F..
662
“เติมพลังความรู้” กับ ..
595
มาโนอิ ร่วมงานครบรอบ 1..
565
สมาร์ทเบรน จินตคณิต เป..
558
โทกิวอช ร้านสะดวกซัก เ..
521
ข่าวแฟรนไชส์มาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด