|
|
|
|
31 กรกฎาคม 2557 |
ซีพี เฟรช มาร์ท พร้อมเปิดแฟรนไชส์ หลังลงทุนสาขาเพิ่ม 1 พันแห่งในปี 58
เผยทำยอดขายเติบโตเฉลี่ย 25% ต่อปี เตรียมแผนขยายสาขาเบื้องต้น 650 แห่งในปี 57 จากเดิมที่มี 611 สาขา พร้อมใช้งบลงทุนเฉลี่ยสาขาละ 3.5-4 ล้านบาท คาดครึ่งปีหลังของปี 57 กำลังซื้อผู้บริโภคเพิ่มขึ้นราว 30% เพราะสถานการณ์ทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น หวังเพิ่มยอดขายเป็น 8 พันล้านบาทจากที่ทำได้ 6.3 พันล้านบาทในปี 56
นายชัยยุทธ ทิพย์สุวรรณพร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจ “ซีพี เฟรช มาร์ท” เปิดเผยว่า ในปี 2556 ธุรกิจ “ซีพี เฟรช มาร์ท” สามารถทำรายได้เติบโตขึ้นประมาณ 18% คิดเป็นจำนวนเงิน 6.3 พันล้านบาท จากจำนวนร้าน 611 สาขา พร้อมตู้เย็นชุมชนประมาณ 1 หมื่นจุด ส่วนในปี 2557 คาดว่ายอดขายจะเติบโตขึ้นประมาณ 25-30% คิดเป็นมูลค่ารวม 8,000 ล้านบาท พร้อมขยายจำนวนร้านเป็น 650 สาขา และเพิ่มเป็น 1 พันสาขาภายในปี 2558 คิดเป็นเงินลงทุนเฉลี่ยสาขาละประมาณ 3.5-4 ล้านบาท ไม่รวมมูลค่าสินค้า พร้อมขยายจำนวนตู้เย็นชุมชนเป็น 1.2 หมื่นจุดภายในปี 2557 และเพิ่มเป็น 3 หมื่นจุดภายใน 3 ปี
ปัจจุบันจำนวนสาขาของ “ซีพี เฟรช มาร์ท” ส่วนมากประมาณ 65% หรือ 347 สาขาตั้งอยู่ในต่างจังหวัด ส่วนที่เหลือ 35% ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ คิดเป็นจำนวน 264 สาขา โดยในเบื้องต้นตั้งเป้าเพิ่มจำนวนสาขาภายในปี 2557 ประมาณ 90 สาขา แต่จำเป็นต้องทบทวนแผนการลงทุนด้านการขยายสาขาใหม่โดยลดจำนวนลงเหลือเพียง 40 สาขา เนื่องจากมีปัจจัยลบทางด้านการขยายตัวและความเจริญของพื้นที่ใหม่ๆ จึงส่งผลให้จำนวนสาขาเก่าในบางพื้นที่มียอดขายลดลงและจำเป็นต้องปิดตัวลงประมาณ 20 สาขา
ในปี 2558 บริษัทยังตั้งเป้าจะเปิดร้านค้า “ซีพี เฟรช มาร์ท พลัส” เพิ่มขึ้นอีก 5-8 สาขา โดยจะมีรูปแบบเป็นร้านค้าต้นแบบที่มีการจำหน่ายสินค้าหลากหลายในรูปแบบของซูเปอร์มาร์เกตมากขึ้น โดยจะมีการจำหน่ายสินค้าที่มีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งที่เป็นสินค้าของเครือซีพีและพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งบริษัทได้มีการปรับรูปแบบของร้านให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้นโดยมีการเพิ่มสินค้าประเภทอาหารและอาหารสดมากขึ้น
“หลังจากที่สามารถเพิ่มจำนวนสาขาได้ครบ 1 พันสาขาแล้ว เรามีนโยบายที่จะ ต่อยอดการลงทุนด้วยการพัฒนาธุรกิจเป็นระบบแฟรนไชส์ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการที่สนใจมีโอกาสได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับเรา โดยขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการวางแผนและศึกษางบประมาณการลงทุนรวมถึงรูปแบบการดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ภายใต้ชื่อ ซีพี เฟรช มาร์ท ว่าจะเป็นไปในทิศทางใด”
นายชัยยุทธกล่าวด้วยว่า แต่ละปีบริษัทมีอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ย 25% ต่อปี โดยขณะนี้สถานการณ์ทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศไทยเริ่มดีขึ้นตามลำดับ ทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจกลับมาใช้จ่ายมากขึ้น โดยคาดว่ากำลังซื้อโดยรวมจะเพิ่มขึ้นประมาณ 30% ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจอาหารให้เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะมีกิจกรรมส่งเสริมการตลาดหลายรูปแบบ เช่น กิจกรรมส่งเสริมการขาย ณ จุดขาย และการจัดรายการร่วมหน่วยงานราชการและสถาบันต่างๆ ภายใต้นโยบาย “ครัวของชุมชน” ซึ่งคาดว่าจะมียอดขายเติบโตดีกว่าในช่วงครึ่งปีแรก และทำให้เรามียอดขายเติบโตได้ตามเป้าหมายหรือสูงกว่าที่คาดการณ์ได้
สำหรับกิจกรรมการตลาดล่าสุดที่กำลังจะเริ่มดำเนินการคือ การส่งเสริมการขายในช่วงเทศกาลสารทจีนที่กำลังจะมาถึง ซึ่งถือเป็นวันสำคัญที่ลูกหลานชาวจีนจะแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ โดย “ซีพี เฟรช มาร์ท” ได้จัดชุดเซ่นไหว้ในราคาพิเศษให้เลือก 2 แบบ คือ ชุดไหว้ซาแซ ประกอบด้วย ไก่ต้ม-เป็ดพะโล้ พร้อมเครื่องในและสะโพกหมูไหว้เจ้าต้มสุก 400 กรัม (หมูบะแซ) ในราคาเพียง 768 บาทจากราคาปกติ 807 บาท นอกจากนี้ยังมีชุดไหว้โหงวแซ ประกอบด้วย ไก่ต้ม-เป็ดพะโล้ พร้อมเครื่องใน สะโพกหมูต้มสุก ปลาทับทิมนึ่ง และกุ้งต้มสุก ขนาด 500 กรัม ในราคา 1,198 บาทจากราคาปกติ 1,281 บาท
“ซีพี เฟรช มาร์ท” ยังได้จัดทำคาราวานโปรโมตสินค้าทั้ง 4 ภาคทั่วประเทศที่จังหวัดเชียงใหม่ นครสวรรค์ ขอนแก่น นครราชสีมา ชลบุรี ฉะเชิงเทรา สงขลา และภูเก็ต ในวันที่ 29 ก.ค. 57 และวันที่ 31 ก.ค. 57 โดยยังเพิ่มทางเลือกในการซื้อสินค้าให้ลูกค้าด้วยการเปิดรับจองชุดไหว้ทั้ง 2 แบบ ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค.-7 ส.ค. 57 และสามารถมารับสินค้าได้ตั้งแต่วันที่ 1-10 ส.ค. 57 ผู้สนใจสามารถสอบถามใบสั่งจองพร้อมรายละเอียดได้ที่ “ซีพี เฟรช มาร์ท” ทั่วประเทศ และ “ซีพี เฟรช มาร์ท พลัส” 3 สาขา
“นอกจากนี้ ผู้บริโภคสามารถสั่งจองชุดไหว้ในราคาพิเศษได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 7 ส.ค. 57 โดยบริษัทมีบริการจัดส่งฟรีสำหรับชุดโหงวแซ โดยผู้ที่ซื้อชุดไหว้ทั้ง 2 ชุดยังมีสิทธิ์แลกซื้อกระเป๋าลดโลกร้อนเก็บความเย็นได้ในราคา 99 บาท โดยช่วงเทศกาลปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายชุดซาแซและชุดโหงวแซไว้จำนวน 3 หมื่นชุด เพิ่มขึ้น 60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2556” นายชัยยุทธกล่าวในที่สุด
อ้างอิงจาก ผู้จัดการออนไลน์
|
|
|
