คชาฯ เล็งผุด2แบรนด์อาหารญี่ปุ่นคาว-หวาน
"คชา บราเธอร์ส" เล็งเปิดตัวแบรนด์ใหม่เสริมทัพคาว-หวาน ไม่หวั่นการเมืองยืดเยื้อ มั่นใจกลุ่มธุรกิจอาหารยังไปได้เดินหน้าเฟ้นทำเลขยายสาขาต่อเนื่อง เน้นหนักเกี๊ยวซ่า-เกียว โรล เอ็น คาดปีนี้กลับมาเติบโตดีเหมือนเก่าหลังจากปรับเป้าโตในปีที่ผ่านมา
นายฤทธิ์ คิ้วคชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท คชา บราเธอร์ส จำกัด เจ้าของแบรนด์ไอศกรีมและขนมหวานสไตล์ญี่ปุ่น อาทิ สฟรี และเกียว โรล เอ็น เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัว 2 แบรนด์ใหม่ แบ่งเป็นขนมหวานที่พัฒนาขึ้นเอง และแบรนด์อาหารคาวจากญี่ปุ่น โดยจะเป็นการซื้อแฟรนไชส์ร้านอาหารที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง (สเปเชียลตี้) โดยเน้นแบรนด์ที่มีศักยภาพและมีการพัฒนาอยู่ตลอด มองเรื่องการเติบโตแบบยั่งยืนเป็นสำคัญ
ขณะที่แบรนด์ในปัจจุบันจะ เน้นการขยายสาขา "เทราโอกะ เกี๊ยวซ่า" ถือเป็นอาหารคาวแบรนด์แรกในเครือที่บริษัทได้สิทธิ์ในปีที่แล้ว ปัจจุบันมี 1 สาขาที่สยามพารากอน ส่วนขนมหวานและไอศกรีมจะเน้นการขยายสาขาของ
"เกียว โรล เอ็น" และเตรียมที่จะเปิดตัวร้านเต็มรูปแบบเป็นครั้งแรกในช่วงวันวาเลนไทน์ ที่สยามพารากอน โซนสวีต อเวนิว หลังจากเคยเปิดในรูปแบบพ็อปอัพสโตร์ โดยร้านใหม่จะมี 60 ที่นั่ง และมีเมนูให้เลือกหลากหลายมากยิ่งขึ้น
"เรื่องการขยายสาขาเราให้ความสำคัญกับโลเกชั่นมากที่สุด พื้นที่ต้องเป็นทำเลที่ดีมีศักยภาพ และเราไม่ได้เป็นบริษัทมหาชน ไม่จำเป็นต้องทำตัวเลขมากมาย เป้าหมายของเราคือการเติบโตอย่างมั่นคง จึงไม่รีบร้อนที่จะต้องเปิดสาขาให้ได้มากๆ แต่จะเปิดเพราะมีความมั่นใจแล้วเท่านั้น"
นายฤทธิ์ยังกล่าวต่อไปอีก ว่า แผนการขยายสาขาหรือการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แม้สถานการณ์การเมืองจะยังไม่นิ่งก็ตาม ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น และอาหารก็ยังเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคยังคงมีการใช้จ่าย จึงเชื่อว่าจะไม่กระทบมากนัก หรือกระทบเป็นจุด ๆ ไป ขณะที่สาขาของบริษัทในปัจจุบันมีความครอบคลุมพื้นที่ศูนย์การค้าใน เขตกรุงเทพฯมากขึ้น ดังนั้น แม้พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งได้รับผลกระทบ ก็ยังมีอีกหลายสาขาที่ลูกค้าไปใช้บริการได้
รวมถึงต้องรู้จักปรับการ ทำงานบางอย่างเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ในกรณีที่ศูนย์การค้าจำเป็นต้องปิดหรือปิดเร็วกว่าปกติ รวมถึงการบริหารต้นทุน กำลังการผลิตที่จะต้องวิเคราะห์อย่างระมัดระวัง
"เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ว่าจะจบลงเมื่อไหร่ อาจจะยืดเยื้อก็เป็นได้ แต่เชื่อว่ายังมีปัจจัยอื่นๆ ให้ธุรกิจได้เติบโตอยู่ และคาดว่าบริษัทจะกลับมาเติบโตได้ดีอีกครั้ง หลังจากปีที่แล้วได้รับผลกระทบจากเรื่องกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง" นายฤทธิ์กล่าวทิ้งท้าย
อ้างอิงจาก ประชาชาติธุรกิจ