อีอาร์เอพลิกเกมรับมือตลาดแผ่ว
"อีอาร์เอ"พลิกแผนใช้กลยุทธ์ไดเร็กต์เซลเข้าถึงลูกค้า รับมือตลาดแผ่ว คาดการณ์ปีนี้ยอดปฏิเสธสินเชื่อลูกค้าบ้านมือสองเกิน 10% พร้อมเปิดโมเดลใหม่ให้ผู้สนใจทำธุรกิจแฟรนไชส์ เลือกซื้อ
นายวรเดช ศิวเตชานนท์ ประธานบริหาร บริษัท อีอาร์เอแฟรนไชส์ (ประเทศไทย) จำกัดหรือ ERA เปิดเผยถึงสถานการณ์ธุรกิจบ้านมือสองว่า ตลาดในช่วงครึ่งปีแรกค่อนข้างดี แต่พอเข้าไตรมาส 3 เริ่มมีสัญญาณชะลอตัว เนื่องจากตลาดมีความกังวลปัญหาการเมือง และเศรษฐกิจหดตัว อย่างไรก็ตาม คาดว่าทั้งปีนี้ธุรกิจบ้านมือสองยังคงขยายตัวเป็นเลขสองหลักโดยปี 2556 จะโตประมาณ 15% เนื่องจากบ้านมือสองเป็นความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง
"ธรรมชาติธุรกิจบ้านมือสองในไตรมาส 4 แบงก์ไม่พิจารณาสินเชื่อซึ่งดำเนินต่อเนื่องมา 2-3 ปีแล้ว สำหรับปีนี้คาดว่ายอดปฏิเสธสินเชื่อในส่วนบ้านมือสองจะสูงกว่า 10% โดยราคาบ้านเฉลี่ยที่ไม่ผ่านการพิจารณาอยู่ที่ 1.84 ล้านบาท ส่วนราคาบ้านเฉลี่ยที่ขายได้ในปีนี้อยู่ที่ 4.79 ล้านบาท แต่สำหรับลูกค้าอีอาร์เอยอดปฏิเสธสินเชื่ออยู่ที่ประมาณ 5% "
ดังนั้น บริษัทปรับแผนเกมรุกตลาดในไตรมาส 4 โดยใช้กลยุทธ์ไดเร็กต์เซล ส่งทีมงานในกรุงเทพฯที่มีทั้งหมดประมาณ 1,500 คน กระจายลงพื้นที่พร้อมส่งไดเร็กต์เมล์ถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย เพราะเชื่อว่าความต้องการยังมีแต่อาจจะไม่สามารถนำเสนอเข้าถึงตัวได้ ขณะเดียวกันเร่งขยายแฟรนไชส์ในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่มี 25 สาขา ตามแผนจะเปิดอีก 4 จังหวัดมี สุราษฎร์ธานี สงขลา นครศรีธรรมราช และพัทลุง นนทบุรีและสมุทรปราการ
นายวรเดชกล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีผู้สนใจธุรกิจบ้านมือสองมาก แต่ยังขาดความรู้ความเข้าใจด้านการบริหารจัดการเกี่ยวกับธุรกิจด้านนี้ บริษัทจึงปรับแพ็กเกจใหม่จากเดิมที่ขายเป็นแพ็กใหญ่ประกอบด้วย 8 โมเดล แต่ต่อไปนี้จะแบ่งขายเป็นแพ็กเล็ก ให้ผู้สนใจทำอาชีพนี้ได้เลือกซื้อให้เหมาะกับความสนใจ ประกอบด้วย
- เรื่องการสร้างแบรนด์ ซึ่งเหมาะสมกับผู้ที่ทำธุรกิจมานาน 3 ปี
- หลักการคัดสรรบุคลากรและการรักษาบุคลากร
- ความรู้ด้านไอที
- ระบบการฝึกอบรม
- โปรแกรมการให้ผลตอบแทน
- แผนการตลาด
- การเป็นที่ปรึกษาในการทำธุรกิจ
- ระบบ Audit ซึ่งแต่เดิมแพ็กใหญ่บริษัทคิดอัตรา 2 ล้านบาท แต่สามารถใช้ได้ตลอดอายุสัญญา แต่ตั้งแต่ไตรมาส 4 จะขายเป็นแพ็กเล็กในราคา 6 แสนบาท ระยะสัญญา 3 ปี
สำหรับรายได้ของบริษัทในปี 2556 คาดว่าเป็นไปตามเป้าหมายคือ ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท หรือขายบ้านมือสองทุกประเภท 2,000 ยูนิต โดยมีธนาคารที่เป็นพันธมิตร 2 รายคือ ธนาคารไทยพาณิชย์ และยูโอบี
อ้างอิงจาก ฐานเศรษฐกิจ