น.ส.กฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทถือเป็นผู้นำตลาดในธุรกิจจำหน่ายสินค้าเฟอร์นิเจอร์ในไทย ที่มีมูลค่าตลาดรวมในปี 2555 อยู่ที่ 60,000 ล้านบาท โดยบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 15% จากรายได้ทั้ง 19 สาขาทั่วประเทศ กว่า 9,000 ล้านบาท

ดังนี้ในปี 2557 บริษัทจึงวางแผนทุ่มงบประมาณกว่า 2,000 ล้านบาท เพื่อเดินหน้าขยายสาขาเพิ่มในพื้นที่ต่างจังหวัดประมาณ 2-3 สาขา ด้วยศักยภาพการเติบโตของธุรกิจสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ต่างจังหวัด และความต้องการของผู้บริโภคที่มีมากในปัจจุบัน

 

สำหรับในช่วง 8 เดือนแรกปี 2556 ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ไม่ส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัทมากนัก โดยมียอดขายอยู่ที่ประมาณ 5,900 ล้านบาท เติบโตประมาณ 5% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ พร้อมคาดการณ์ว่าทิศทางการเติบโตหลังจากนี้ไปจนถึงสิ้นปี 2556 บริษัทจะมีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 6,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2555

 

โดยในการทำตลาดนั้น บริษัทยังคงขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ ในรูปแบบของการส่งออกสินค้า และการขยายสาขาด้วยการขายแฟรนไชส์ให้กับกลุ่มทุนหรือพาร์ทเนอร์ในต่างประเทศ ปัจจุบันมีสาขารวมกว่า 8 สาขา ครอบคลุมในตลาดตะวันออกกลางและเอเชีย โดยเฉพาะในตลาดภูมิภาคอาเซียนที่มีสาขากระจายอยู่ในเวียดนาม พม่า และลาว ซึ่งในแต่ละปีสาขาในต่างประเทศทำสัดส่วนรายได้โดยรวมให้บริษัทกว่า 10% ของยอดขายทั้งหมด

 

 
 

น.ส.กฤษชนก กล่าวว่า บริษัทมองเห็นศักยภาพ และแนวโน้มการเติบโตของตลาดในต่างประเทศ จึงเดินหน้าขยายธุรกิจในมาเลเซีย เนื่องจากประเทศดังกล่าวมีการเติบโตของเศรษฐกิจที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง บวกกับพฤติกรรมของผู้บริโภคสินค้าเฟอร์นิเจอร์ที่คล้ายกับไทย อีกทั้งการคาดการณ์ของศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่า ในปี 2556 อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของมาเลเซียจะสูงอยู่ที่ 4.4-5.2%                 

 

อย่างไรก็ตามจะอยู่ในลักษณะของการร่วมทุน (Joint Venture) ระหว่างบริษัทกับบริษัท อิออน คอมพานี มาเลเซีย เบอร์ฮาด โดยร่วมกันจัดตั้งบริษัท อิออน อินเด็กซ์ ลิฟวิ่ง (AEON INDEX LIVELING SDN. BHD.) เพื่อดำเนินธุรกิจค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านในมาเลเซีย

ซึ่งบริษัทจะถือหุ้น 30% และอิออน 70% ด้านโครงสร้างบริหารได้กำหนดให้มีคณะกรรมการ (บอร์ด) บริหารร่วมกัน เพื่อกำหนดนโยบายและทิศทางของธุรกิจ ทั้งนี้ได้วางแผนเบื้องต้นว่าในปี 15-20 ปีข้างหน้า จะมีการขยายสาขาในมารเลเซียให้ได้ประมาณ 30 สาขา และจะส่งผลให้บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น 20-30%

อ้างอิงจาก แนวหน้า