โดยอาหารใหม่บางรายการอาจมีราคาถึง 5 ดอลลาร์ ซึ่งหากมีผลตอบรับที่ดีก็อาจนำมาใช้กับร้านสาขาทั่วสหรัฐอเมริกา แมคโดนัลด์ระบุว่า ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นทางการสำหรับอาหารในกลุ่ม "ดอลลาร์ เมนู" ซึ่งเป็นเมนูราคาประหยัดที่บริษัทให้บริการลูกค้าอยู่ในปัจจุบัน

การทดลองตลาดแนวคิดใหม่มีวงจำกัดเฉพาะในบางสาขา และบริษัทจะทำการทดสอบและประเมินผลอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ได้ทางเลือกใหม่ที่คุ้มค่าที่สุด

 

อาหาร "ดอลลาร์ เมนู แอนด์ มอร์" ที่แมคโดนัลด์กำลังทดลองตลาดอยู่นี้มี 3 ลำดับราคา คือ อาหาร 1 ดอลลาร์ 2 ดอลลาร์ และ 5 ดอลลาร์

ยกตัวอย่างอาหารรายการ 5 ดอลลาร์นั้น ได้แก่ แมคนักเก็ตที่ใน 1 ชุดมี 20 ชิ้น เป็นต้น บริษัทยังได้จัดชุดอาหารเพื่อทดสอบผลตอบรับในราคาอื่นๆที่บางสาขาด้วย เช่น อาหารชุดราคา 1 ดอลลาร์ 1.79 ดอลลาร์ และ 4.99 ดอลลาร์
 

 

แอดเวอร์ไทซิ่ง เอจ รายงานว่า อาหารในกลุ่มที่เรียกว่า "ดอลลาร์ เมนู" (Dollar Menu) ซึ่งจำหน่ายในราคา 1 ดอลลาร์ของแมคโดนัลด์นั้น ทำยอดจำหน่ายคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 13-14% ของยอดจำหน่ายทั้งหมด และมีให้บริการแก่ลูกค้ามาเป็นเวลายาวนานถึง 10 ปีแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่าเนื่องจากเป็นเมนูราคาประหยัดจึงทำกำไรน้อย ไม่เป็นที่น่าพึงพอใจสำหรับผู้ถือแฟรนไชส์ของแมคโดนัลด์มากนัก
 

ในปี 2551 แมคโดนัลด์มีข้อขัดแย้งกับผู้ถือแฟรนไชส์ หรือบรรดาแฟรนไชซี ที่ต้องการให้บริษัทนำดับเบิ้ลชีสเบอร์เกอร์ออกจากกลุ่มสินค้า 1 ดอลลาร์ เนื่องจากต้นทุนผลิตพุ่งสูงขึ้น ทำให้พวกเขาทำกำไรได้น้อยลง ผลของการเจรจาประนีประนอมในคราวนั้น ทำให้มีการปรับเมนูเล็กน้อย โดยบริษัทได้นำเสนอเมนูใหม่คือ "แมคดับเบิ้ล" (McDouble) ที่ลดจำนวนชีสจาก 2 แผ่นเหลือชีสเพียง 1 แผ่นแต่ยังคงมีเนื้อ 2 ชิ้น และยังคงอยู่ในกลุ่มสินค้าดอลลาร์ เมนู ที่ขายในราคา 1 ดอลลาร์เช่นเดิม
 

ต่อมาในปี 2555 บริษัทได้พยายามนำเสนอเมนูอาหารที่ขยับราคาสูงขึ้นและน่าจะทำกำไรให้แฟรนไชซีมากขึ้น นั่นคือ อาหารกลุ่ม เอ็กซ์ตร้า แวลู เมนู (Extra Value Menu) ซึ่งเป็นระดับราคาปานกลางที่บางอย่างมีราคาจำหน่าย 2 ดอลลาร์ แต่กระนั้นก็ยังทำยอดขายไม่ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ แหล่งข่าววงในของแมคโดนัลด์เผยว่า
 

หากผลทดสอบตลาดอาหารเมนูใหม่ล่าสุดคือ ดอลลาร์ เมนู แอนด์ มอร์ ออกมาเป็นที่น่าพอใจและมีการนำเสนอในหลายสาขาทั่วประเทศสหรัฐฯ นั่นก็หมายความว่ายอดจำหน่ายสินค้าในกลุ่มเอ็กซ์ตร้า แวลู เมนู อาจจะได้รับผลกระทบ
 

แอนดี้ แบริช นักวิเคราะห์จากบริษัทวิจัย เจฟเฟอรีส์ ให้ความเห็นว่า ยอดจำหน่ายในร้านที่เปิดบริการมามากกว่า 1 ปีของแมคโดนัลด์เพิ่มขึ้นในอัตราเฉลี่ย 1% ในไตรมาสที่ 2
 

แต่ยอดจำหน่ายในภาพรวมอยู่ในทิศทางลดลงมาเป็นเวลากว่าปีแล้ว "ผลประกอบการในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคมที่ผ่านมาชี้ให้เห็นว่าการเน้นอาหารราคาประหยัดมากจนเกินไปและการตรึงราคาไว้สำหรับอาหารเมนูหลักๆทำให้ทางร้านทำกำไรได้น้อยลง"

แบริชยังกล่าวต่อไปว่า อาหารราคาสูงของแมคโดนัลด์ เช่น ควอเตอร์พาวเดอร์ และแมคแรพ (McWrap) ดูเหมือนจะยังไม่สามารถชดเชยในเรื่องนี้ได้  

อ้างอิงจาก ฐานเศรษฐกิจ