3.8K
27 กรกฎาคม 2556
บุญรอด รุกหนักร้านอาหารญี่ปุ่น เร่งเครื่องตจว.-เพิ่มงบฯตลาดเท่าตัวสู้ศึกราเมน



 
ทุนสิงห์ตั้งเป้าขยายยามาโกย่า ราเมนครบ 20 สาขาปีหน้า เตรียมทุ่มงบฯมาร์เก็ตติ้งเพิ่มหลายเท่าตัวสู้ศึกราเมนแข่งดุ งัดกิมมิกเมนูคุ้มค่า-โคมาร์เก็ตติ้งดึงผู้บริโภคใช้จ่าย หลังยอดครึ่งปีแรกลดลง 10% พร้อมเปิดแบรนด์ใหม่ขยายฐานลูกค้าเพิ่ม
 
นางนงนุช แก้วบุญขุน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยามาโกย่า (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทร่วมทุนระหว่าง "บุญรอด บริวเวอรี่" โดยสันติ ภิรมย์ภักดี, ทางญี่ปุ่นเจ้าของแบรนด์ยามาโกย่า และบริษัท กัสตรอนอมเม่อ จำกัด ในเครือของกลุ่มพาราวินเซอร์ ดำเนินธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี 2549 เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นยังสดใสต่อเนื่อง และมีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะร้านราเมนที่มีแบรนด์อยู่ในตลาดจำนวนมาก บริษัทจึงตั้งใจขยายสาขาเพิ่มขึ้นต่อเนื่องให้ครอบคลุมฐานลูกค้าและความต้องการบริโภคที่เกิดขึ้น 
 
ปัจจุบันภายใต้บริษัทยามาโกย่า (ประเทศไทย) มีแบรนด์ราเมน 2 แบรนด์ ได้แก่ ยามาโกย่า และบาซารากะ รวมกัน 15 สาขา ซึ่งการขยายสาขาจะเริ่มในปีหน้าอีก 5 สาขา คาดว่าจะสามารถเปิดครบ 20 สาขาได้ภายในสิ้นปี 2557 ด้วยงบฯลงทุนสาขาละประมาณ 5 ล้านบาท โดยรูปแบบจะมีทั้งลงทุนด้วยตัวเองและผ่านระบบแฟรนไชส์ โดยแผนจากนี้จะเข้าไปเปิดสาขาในต่างจังหวัดเป็นครั้งแรกที่ชลบุรี และสนามบินภูเก็ต เนื่องจากพื้นที่ในกรุงเทพฯทำเลที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์นั้นเปิดครอบคลุมเกือบหมดแล้ว โดยปัจจุบันกลุ่มลูกค้าแบ่งเป็นชาวญี่ปุ่น 40% และพนักงานออฟฟิศ 60%
 
นอกจากนี้ ยังเตรียมใช้งบฯการตลาด 2 ล้านบาท เพิ่มจากปัจจุบันที่ใช้งบฯการตลาดเพียง 5-6 แสนบาทเท่านั้น เพิ่มการสื่อสารกับผู้บริโภคไปยังสื่อโทรทัศน์ หลังจากมีจำนวนสาขาเพิ่มขึ้น โดย
 
 
 
เน้นกลยุทธ์โลคอลมาร์เก็ตติ้ง รวมถึงสื่อสารผ่านหนังสือพิมพ์ นิตยสาร และเว็บไซต์ 
 
"เราจะหันมาเล่นกับสื่อโทรทัศน์เพื่อให้คนรู้จักยามาโกย่า ราเมนมากขึ้น เพราะศักยภาพของแบรนด์ยังสามารถขยายได้อีกจำนวนมาก ศูนย์เองก็อยากได้แบรนด์มาช่วยดึงลูกค้า มากไปกว่านั้นตลาดราเมนมีคู่แข่งจำนวนมาก เราเองก็ต้องออกมาทำอะไรให้คนที่ซื้อแฟรนไชส์ไปแล้วเขาได้กำไรกลับมาด้วย"
 
อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ส่งผลให้กำลังซื้อฝืดเคืองนั้น ทำให้สภาพขณะนี้ยังเน้นรอดูสถานการณ์สำหรับแผนการขยายสาขา โดยในปีนี้ยอมรับว่าบริษัทต้องเผชิญกับยอดขายที่ตกต่ำลงถึง 10% ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ทำให้ต้องมีการกระตุ้นผู้บริโภคด้วยวิธีใหม่ ๆ อาทิ การคิดเมนูที่เน้นความคุ้มค่ามากขึ้นจากราคาราเมนซึ่งอยู่ที่ 150-200 บาทขึ้นไป นอกจากนี้ ยังเร่งเก็บข้อมูลของลูกค้าเพื่อนำมาทำโปรโมชั่นให้ตรงจุด ทั้งทำขึ้นเองและโคโปรโมชั่นกับแบรนด์ต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายของผู้บริโภคให้มากขึ้น 
 
นางนงนุชยังกล่าวอีกว่า บริษัทยังได้เตรียมพัฒนาแบรนด์และโมเดลร้านใหม่ ๆ เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นแบบยากินิกุ (ปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น) รับกับโอกาสที่ตลาดดังกล่าวมีการเติบโตสูง โดยมีแผนเปิดร้านเนื้อย่าง "คามุยอิเต" ย่านสุรวงศ์ ซึ่งเป็นแบรนด์ที่บริษัทพัฒนาขึ้นมาเอง ภายใต้งบฯลงทุน 10 ล้านบาท ความแตกต่างคือ การนำเนื้อพรีเมี่ยมเข้ามาทำตลาด อาทิ เนื้อคามุย ซึ่งคล้ายกับเนื้อวากิวแต่ราคาเข้าถึงง่ายกว่า อยู่ที่กิโลกรัมละ 2,400-2,600 บาท ขณะที่คู่แข่งร้านปิ้งย่างญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะมุ่งเจาะตลาดบุฟเฟต์เป็นหลัก
 
นอกจากนี้ มีแผนทดลองนำอาหารสไตล์ปิ้งย่าง หรือยากินิกุ เข้ามาเป็นเมนูในร้านยามาโกย่าในสาขาที่มีศักยภาพอย่างสุขุมวิท 20, อาคารอื้อจือเหลียง และทองหล่อ หากมีการตอบรับที่ดีก็จะแยกเปิดเป็นร้านในอนาคต 
 
สำหรับปีนี้ยอดขายจะลดลงจากปีที่แล้ว 10% หรือคิดเป็นยอดขายประมาณ 65 ล้านบาท แต่หากสาขาสามารถเปิดสาขาใหม่ได้ทันในช่วงปลายปี จะทำให้บริษัทกลับมาเติบโตอยู่ที่ 5%

อ้างอิงจาก ประชาชาติธุรกิจ
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สาขาใหม่มาแล้ว! บุราณ ..
1,004
รวมภาพบรรยากาศ คอร์ส F..
677
“เติมพลังความรู้” กับ ..
600
มาโนอิ ร่วมงานครบรอบ 1..
573
สมาร์ทเบรน จินตคณิต เป..
562
โทกิวอช ร้านสะดวกซัก เ..
524
ข่าวแฟรนไชส์มาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด