นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมได้มอบให้องค์การค้าของ สกสค. กลับไปทบทวนโครงการธุรกิจแฟรนไชส์ ขององค์การค้าฯ ซึ่งขณะนี้มีโรงเรียน และร้านค้าที่เป็นคู่ค้า สนใจเข้าร่วมโครงการประมาณ 96 แห่ง แต่ที่ประชุมไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไข ซึ่งพบว่าองค์การค้าฯ จะไม่ได้รับผลกำไรจากโครงการ เพราะการทำธุรกิจแฟรนไชส์ผู้ที่สนใจเข้าร่วมจะต้องเป็นผู้ที่ออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด และองค์การค้าฯ จะต้องได้ผลกำไรจากผู้ที่มาซื้อธุรกิจแฟรนไชส์ไปด้วย

แต่โครงการนี้กลับทำให้องค์การค้าฯ ต้องเป็นผู้ดำเนินการเองทั้งหมด อาทิ ค่าตกแต่งร้าน การอบรมพนักงาน เป็นต้น ดังนั้นที่ประชุมจึงให้กลับไปปรับเงื่อนไขและรายละเอียดโครงการให้ชัดเจน

 

ทั้งนี้ แหล่งข่าวระดับสูงจาก ศธ. กล่าวว่า ขณะนี้ ปลัด ศธ.ได้รับมอบหมายจาก นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศึกษาธิการ ให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น โดยมีนายชวลิต ลีลาศิวพร ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายของ สกสค.เป็นประธาน หลังจากมีหนังสือร้องเรียนถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และ รมว.ศึกษาธิการ เกี่ยวกับการจัดซื้อหนังสือเรียนขององค์การค้าฯ ซึ่งระบุว่า ในช่วงเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการอนุมัติขายหนังสือเรียนให้กับตัวแทนร้านค้าต่างๆ

โดยระบุว่าหากร้านค้าไหนสั่งซื้อหนังสือ มูลค่ารวม 1,000 ล้านบาทขึ้นไป จะได้ส่วนลดเพิ่มอีก 5% ส่งผลให้ร้านค้าได้รวมตัวกันเพื่อสั่งซื้อหนังสือเรียนจากองค์การค้าฯ ให้มียอดสั่งซื้อเกิน 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ทำให้องค์การค้าฯ เสียประโยชน์ เพราะปกติแล้วร้านค้าจะได้รับส่วนลด 25% และหากสั่งซื้อภายในระยะเวลาที่กำหนด ก็จะได้รับส่วนลดเพิ่มขึ้นอีก รวมแล้วจะได้ส่วนลดสูงถึง 33 % แต่การมาลดเพิ่มให้อีก 5% จึงทำให้องค์การค้าฯ ขาดทุนถึง 8 % อย่างไรก็ตามได้มีการอนุมัติขายหนังสือเรียนไปแล้ว 1,000 กว่าล้านบาท โดยขณะนั้นอยู่ในช่วงที่มีการรักษาการ ผอ.องค์การค้าฯ ทำให้ขาดทุนประมาณ 80 ล้านบาท อีกทั้งร้านค้าที่ได้จ่ายเงินไปแล้ว จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือเรียน

 

ด้าน นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาประธานกรรมการคุรุสภา เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการสรรหาฯ ได้รับรองรายงานกรณีคณะทำงานวินิจฉัยข้อกฎหมาย เกี่ยวกับการแสดงวิสัยทัศน์ของผู้สมัครว่า หากไม่มาแสดงวิสัยทัศน์ จะมีสิทธิ์ได้รับการเสนอชื่อหรือไม่ ซึ่งได้ข้อสรุปว่า การมาแสดงวิสัยทัศน์ถือเป็นสาระสำคัญ ผู้ที่ไม่มาแสดงวิสัยทัศน์ไม่มีสิทธิ์ได้รับการเสนอชื่อ ประกอบกับผู้ที่ไม่มาแสดงวิสัยทัศน์แต่ได้รับการเสนอชื่อก่อนหน้านี้ 3 ราย ได้ขอสละสิทธิ์ในการคัดเลือกแล้ว ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินการคัดเลือกประธานกรรมการคุรุสภา เป็นไปตามประกาศ ที่ประชุมฯ จึงจำเป็นต้องสรรหาให้ครบ 4 รายชื่อ เพื่อเสนอให้ รมว.ศึกษาธิการ เลือก 1 คน เสนอต่อ ครม.ต่อไป
 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ 4 รายชื่อที่ถูกเสนอให้ รมว.ศึกษาธิการ พิจารณาได้แก่ นายพฤทธิ์ ศิริบรรณพิทักษ์ อดีตคณบดีคณะครุศาสตร์ จุฬาฯ, นายเสน่ห์ ขาวโต อดีตผู้ตรวจราชการ ศธ. นายไพฑูรย์ สินลารัตน์ รองอธิการบดี ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ และ นายธนภัทร ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา รองประธานสถาบันพัฒนาภูมิปัญญาตะวันออก

อ้างอิงจาก สยามรัฐ