27K
10 ตุลาคม 2555
อีฟแอนด์บอย ถล่มราคาเครื่องสำอาง


 
นายหิรัญ ตันมิตร ผู้จัดการร้าน อีฟแอนด์ บอย เปิดเผยว่า หลังจากที่ประสบความสำเร็จกับการทำตลาดร้านอีฟแอนด์บอย ที่ตลาดต่างจังหวัดมานานกว่า 8 ปี จึงได้ขยายสาขามายังตลาดในกรุงเทพฯ โดย 3 สาขาแรกจะอยู่ที่จังหวัด มหาสารคาม 1 สาขา และขอนแก่น 2 สาขา
 
สำหรับสาขาที่ 4 จะอยู่ที่สยามสแควร์ และถือเป็นสาขาแรกในกรุงเทพฯ โดยแต่ละสาขาจะใช้งบลงทุนเฉลี่ย 15-20 ล้านบาท และเป็นการลงทุนของเราเองทั้งหมด ไม่ได้มีการขายแฟรนไชส์ และที่เลือกมาเปิดร้านแบบสเปเชียลตี้สโตร์ เนื่องจากมองว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันจะนิยมเลือกซื้อสินค้าด้วยตนเอง ในลักษณะของเซลฟ์-ซีเล็คทีฟ มากขึ้น 
 
ทั้งนี้ มีแผนจะขยายสาขาประมาณ 1-2 สาขาต่อปี โดยคาดว่าจะขยายสาขาประมาณ 25 สาขาภายใน 10 ปี แต่ทั้งนี้หลักๆ จะอยู่ในกรุงเทพฯ ประมาณ 20 สาขา หรือคิดเป็นสัดส่วน กรุงเทพฯ 80% และต่างจังหวัด 20% ส่วนพื้น ที่จะไม่ต่ำกว่า 300 ตารางเมตร และหลักๆ จะเน้นการขยายสาขาในรูปแบบสแตนด์อะโลนมากกว่า
 
 
 
สินค้าภายในร้านของเรา จะมีกว่า 10,000 เอสเคยู 300 กว่าแบรนด์ แบ่งเป็น 6 กลุ่ม ได้แก่
  1. กลุ่มน้ำหอม
  2. กลุ่มสกินแคร์
  3. กลุ่มโฮมแคร์
  4. กลุ่มแฮร์แคร์
  5. กลุ่มเมกอัพ
  6. กลุ่มเมนแคร์
โดยสินค้าของเราจะค่อนข้างแตกต่าง จากคู่แข่ง ตรงที่จะไม่มียาและอาหารเสริม จำหน่าย ขณะที่คู่แข่งจะไม่มีสินค้าเคาน์เตอร์แบรนด์จำหน่าย หรือถ้ามีก็จะขายราคาเต็ม ไม่ได้เล่นเรื่องราคา
 
“คอนเซปต์ของร้านเรา จะเป็นลักชัวรี่ คอสเมติก และเป็นมัลติแบรนด์ ขณะที่คู่แข่งจะเน้นความเป็นดรักสโตร์มากกว่า โดยเราจะนำสินค้าเข้ามาจำหน่ายหลากหลายแบรนด์ ตั้งแต่สินค้าที่หาซื้อได้ทั่วไป และเป็นสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟที่มีเฉพาะ ร้านของเราเท่านั้น”

 
 
เนื่องจากปัจจุบันไลฟ์สไตล์คนในปัจจุบันที่ชื่นชอบการช็อปปิ้ง จะต้องการความสะดวกสบายในการเดินทาง และความหลากหลายในการจับจ่ายสินค้า ซึ่งจะต้องตอบโจทย์ทุกอย่างได้หมดภายในที่เดียว

โดยเราจะจัดเรียงสินค้าแบบเซลฟ์-ซีเล็คทีฟ ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกหยิบสินค้าได้ตามใจชอบ ที่สำคัญกลยุทธ์การทำตลาด จะเน้นแบบ เชิงรุก โดยเฉพาะทางด้านราคา ด้วยการตั้งราคาจำหน่ายสินค้าถูกกว่าในห้างประมาณ 30% เพื่อให้สามารถแข่งขันกับที่อื่นได้ สำหรับสินค้าภายในร้านจะเป็นแบรนด์ต่างประเทศ คิดเป็นสัดส่วน 95% และแบรนด์ไทย 5% 
 
 
 
สำหรับกลุ่มลูกค้าของร้าน หลักๆ ยังคงเป็นกลุ่มผู้หญิง คิดเป็นสัดส่วน 90% และกลุ่มผู้ชาย 10% ทั้งนี้ ทางร้านจะให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพสินค้า และราคาเป็นหลัก โดยสินค้าทุกประเภทที่นำมาจัดจำหน่ายภายในร้าน เป็นสินค้าที่ได้รับการรับรองและนำเข้ามาอย่างถูกต้อง สินค้ามีคุณภาพและการันตีเรื่องราคา

จุดเด่นอีกอย่างของร้านก็คือ การให้บริการที่ไม่เจาะจงแบรนด์ ทำให้พนักงานสามารถแนะนำสินค้าได้หลากหลาย และตอบโจทย์ลูกค้าได้ตรงความต้องการมากที่สุด เพื่อสร้างการจดจำกับลูกค้ามากขึ้น
 
 
“แต่ละปีจะใช้งบการตลาดราว 5 ล้านบาท เน้นการใช้สื่อผ่านแม็กกาซีนเป็นหลัก เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ ปีหน้าเตรียมจะเปิดช็อปปิ้งออนไลน์ www.eveandboy.net ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา” อย่างไรก็ตาม ปีนี้ตั้งเป้ารายได้ประมาณ 400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ที่มียอดขาย 300 ล้านบาท โดยยอดซื้อเฉลี่ยต่อบิลจะอยู่ที่ 800-1,000 บาท

อ้างอิงจาก สยามธุรกิจ
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ชายสี่ คอร์ปอเรชั่น เป..
5,071
ชีสซี่ฟราย สแน็ค เปิดต..
4,097
เริ่มแล้ว! งานแฟรนไชส์..
2,896
แรงจริง! #แฟรนไชส์ ก๋ว..
1,632
ธงไชยผัดไทย ร่วมกับ 7-..
1,000
พบบูธ “ก๋วยเตี๋ยวเรือป..
986
ข่าวแฟรนไชส์มาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด