436
23 มิถุนายน 2568
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเสน่ห์อีสาน ผ่านเส้นทาง L-U-C-K ที่ “กาฬสินธุ์ มีดี” ผลักดันผลิตภัณฑ์ชุมชน “มีดี” กระตุ้นตลาดฐานรากเมืองรอง ชูเอกลักษณ์วิถีภูมิปัญญา ต่อยอดโอกาสการค้าสู่ตลาดคนรุ่นใหม่
 

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าต่อเนื่อง ลงพื้นที่เส้นทาง L-U-C-K สายอีสาน ณ จังหวัดกาฬสินธุ์ ในเส้นทาง “กาฬสินธุ์ มีดี” ผลักดัน 5 ผลิตภัณฑ์ชุมชน “มีดี” ชูภาพลักษณ์เสน่ห์ชุมชนและวิถีอีสาน เปิดตลาดผลิตภัณฑ์ชุมชนอย่างสร้างสรรค์ สร้างการรับรู้เข้าถึงใจคนรุ่นใหม่ กระตุ้นตลาดเศรษฐกิจฐานรากเมืองรอง
 
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เส้นทาง L-U-C-K ถือเป็นโครงการสำคัญของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าที่มุ่งเน้นการเชื่อมโยงเอกลักษณ์วิถีภูมิปัญญาชุมชนเข้ากับตลาดสมัยใหม่ โดยเน้นผลักดันผลิตภัณฑ์ชุมชน “มีดี” ในแต่ละพื้นที่ ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น สร้างสรรค์ และสะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่น สอดรับตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการผลักดันให้เศรษฐกิจชุมชนเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ การเปิดเส้นทาง “กาฬสินธุ์ มีดี” ครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญของภาคอีสาน ซึ่งไม่เพียงตอกย้ำศักยภาพของจังหวัดเมืองรองที่เปี่ยมด้วยภูมิปัญญาและวัฒนธรรม แต่ยังมุ่งสร้างการรับรู้ผลิตภัณฑ์ชุมชนให้เข้าถึงผู้บริโภครุ่นใหม่ได้อย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น
 
อธิบดีอรมน กล่าวต่อว่า “จังหวัดกาฬสินธุ์ มีอีกความหมายว่า ‘เมืองน้ำดำ’ (กาฬ แปลว่า ‘ดำ’ สินธุ์ แปลว่า น้ำ’ กาฬสินธุ์ จึงแปลว่า ‘น้ำดำ’ น้ำดำในที่นี้ หมายถึง น้ำที่ใสสะอาดจนมองเห็นดินสีดำ ซึ่งดินดำเป็นดินที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด) เป็นแหล่งรวมผลิตภัณฑ์ชุมชนที่มีเรื่องราว วัฒนธรรม และวิถีชีวิตอันงดงาม โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้ ในเส้นทาง ‘กาฬสินธุ์ มีดี’ ได้บอกเล่าถึงเสน่ห์ของ 5 ผลิตภัณฑ์ชุมชนมีดีของกาฬสินธุ์ที่ถ่ายทอดภูมิปัญญาจากรุ่นสู่รุ่น สะท้อนถึงความเชื่อ ความศรัทธา ความคิดสร้างสรรค์ และความหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์ โดยเฉพาะเอกลักษณ์ของชาวภูไทที่ยังคงได้รับการสืบทอดและดำรงอยู่ในทุกมิติของดินแดนเมืองน้ำดำ

เริ่มตั้งแต่ 1) พาลิ้มรสวิถีพื้นถิ่น ‘น้ำปลาร้าแม่บุญล้ำ’ ตำบลห้วยโพธิ์ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จากภูมิปัญญาการหมักในปี๊บและโอ่งดั้งเดิม สูตรเด็ดเคล็ดลับเฉพาะที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น พัฒนาต่อยอดเป็นน้ำปลาร้าต้มสุกบรรจุขวดที่ต้องการส่งต่อความอร่อยล้ำต้นตำรับอีสาน ให้เป็นเครื่องปรุงของทุกครัวเรือนตามแนวคิด ‘อร่อยล้ำ ชัวร์ ทุกครัวต้องมี’ และมาอร่อยเพลินกับ 2) ‘ขนมข้าวพองอบกรอบ ฮั่งมี’ ตำบลนาโก อำเภอกุฉินารายณ์ ดินแดนปลูกข้าวอินทรีย์อีสาน วิถีชีวิตของชาวภูไทที่สืบกันมา ต่อยอดพัฒนาจากข้าวอินทรีย์หักที่ไม่มีมูลค่า นำมาเพิ่มมูลค่าด้วยนวัตกรรมแปรรูปที่ทันสมัย มาเป็นขนมของคนรุ่นใหม่ ที่อร่อย มีประโยชน์ และดีต่อสุขภาพ
 
ต่อด้วยงานหัตถศิลป์เส้นใยสร้างสรรค์ 3) ‘ผ้าไหมแพรวา บ้านโพน’ ตำบลโพน อำเภอคำม่วง ถิ่นแพรวา ราชินีแห่งไหมไทย เอกลักษณ์วิถีการทอผ้าของชาวภูไทที่สืบทอดจากรุ่นแม่สู่รุ่นลูก แรงบันดาลใจจากความเชื่อ ความศรัทธา ธรรมชาติ และถิ่นที่อยู่ ผสานเทคนิคการทอด้วยการขิดและจกจากด้านใน สู่ลวดลายของผ้าไหมแพรวาที่เป็นเอกลักษณ์ สวยงามโดดเด่นไม่เหมือนใคร

ไปต่อที่ 2 ผลิตภัณฑ์สุดท้าย พามาสัมผัส...อัตลักษณ์ภูมิปัญญาชาวภูไท 4) ‘มาลัยไม้ไผ่ บ้านกุดหว้า’ ตำบลกุดหว้า อำเภอกุฉินารายณ์ งานศิลปหัตถกรรมจากไม้ไผ่ที่สืบทอดกันมากว่า 100 ปี ประดิษฐ์ด้วยความปราณีตจากฝีมือของผู้บ่าวภูไท จากความเชื่อที่เริ่มจากการทำเป็นเครื่องแขวนปัจจัยไทยธรรม พัฒนาสู่งานประดิษฐ์มาลัยไม้ไผ่ และต่อยอดเป็นของใช้ ของตกแต่ง ดีไซน์ร่วมสมัย สร้างงาน สร้างอาชีพให้กับคนในชุมชน ท้ายสุดของเส้นทาง

5) ‘ภูไทฝ้ายงาม’ ตำบลคุ้มเก่า อำเภอเขาวง ผ้าฝ้ายทอมือแบบพื้นเมือง วิถีภูไทที่ถ่ายทอดผ่านเส้นใย สู่งานหัตถกรรมร่วมสมัย เทคนิควิถีการทอดั้งเดิมผสานดีไซน์ใหม่ สู่ของใช้ และของตกแต่งบ้าน งานฝีมือจากความรักความตั้งใจที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ความภาคภูมิใจของชาวภูไท และนี่ก็คือ 5 เสน่ห์เมืองน้ำดำที่อยากให้ทุกคนมาสัมผัส
 
สำหรับผลิตภัณฑ์ชุมชนใน ‘กลุ่มผ้าไทย’ ถือเป็นอัตลักษณ์และภูมิปัญญาสำคัญของไทย จากการลงพื้นที่กรมฯ จึงได้มองเห็นโอกาสที่จะเข้ามาช่วย ‘ต่อยอดด้านการตลาด’ ให้ผู้ผลิตผ้าไทยบนเส้นทาง L - U - C – K สายอีสานทั้งในจังหวัดกาฬสินธุ์ที่มีผู้ผลิตผ้าไหมแพรวา บ้านโพน และภูไทฝ้ายงาม

รวมไปถึงจังหวัดอุดรธานีที่มีกลุ่มทอผ้าโบราณบ้านโนนกอก และ Hattra หัตราผ้าไทย โดยหลังจากนี้กรมฯ จะพาผู้เชี่ยวชาญ 3 ด้านลงพื้นที่ช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์และขยายตลาดให้กว้างขึ้น ได้แก่ 1) ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดออนไลน์ เพราะในยุคปัจจุบันการขายสินค้าแค่เพียงหน้าร้านไม่เพียงพออีกต่อไป การมีสินค้าที่ดีมีคุณภาพแต่เข้าไม่ถึงลูกค้าก็ทำให้ธุรกิจไม่สามารถคงอยู่ได้ ดังนั้น การตลาดออนไลน์จะช่วยให้ผู้ประกอบการมีตลาดขายของเพิ่มมากขึ้น

2) ร่วมกับ Platform ออนไลน์ ที่เป็นพันธมิตรกับกรมฯ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการขายและมีพื้นที่ขายสินค้าออนไลน์ ให้ผู้ประกอบการกลุ่มนี้สามารถนำสินค้าไปขายได้ พร้อมด้วยการจัดโปรโมชันสร้างความน่าสนใจให้ลูกค้าต้องตัดสินใจซื้อสินค้าทันที

และ 3) ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ที่จะเข้าไปช่วยออกแบบและต่อยอดรูปแบบของสินค้าให้มีความหลากหลาย สอดรับกับ Life style ของผู้บริโภค อาทิ การนำผ้าไทยส่วนที่เหลือจากการผลิตเครื่องแต่งกายมาผลิตเป็นเครื่องประดับอย่างต่างหู กำไร ฯลฯ ซึ่งจะเป็นการใช้วัตถุดิบให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด และยังสร้างรายได้เพิ่มขึ้นได้ด้วย สอดรับกับการทำธุรกิจแบบ Circular Economy ที่ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญ
 
และทุกพื้นที่ในเส้นทาง ‘L - U - C - K’ คือ ความตั้งใจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ที่ต้องการผลักดันและภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์ชุมชนมิติใหม่ ผ่านเรื่องราววิถีชุมชนที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น เน้นการเชื่อมโยงกับภูมิปัญญาท้องถิ่น ผสมผสานกับการสร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ชุมชนไทยเป็นที่รู้จักในระดับสากล และเส้นทางสุดท้าย จะพาลงไปสัมผัสวิถีพื้นถิ่นภายใต้ ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2568 ชุมพร มีดี มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนตลาดผลิตภัณฑ์ชุมชนไทยไปด้วยกัน
 
ทั้งนี้ กรมฯ เชื่อมั่นว่า ผลิตภัณฑ์ชุมชนไทยมีศักยภาพและ “มีดี” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวที่มา ภูมิปัญญา ทักษะฝีมือ หรือวัตถุดิบคุณภาพดีจากท้องถิ่น สิ่งเหล่านี้ คือ จุดแข็งที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์มีความแตกต่างและเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค” อธิบดีอรมน กล่าวสรุป
 
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองธุรกิจภูมิภาคและชุมชน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์โทรศัพท์หมายเลข 0 2547 4445 สายด่วน 1570 หรือ www.dbd.go.th


ที่มา : ww.dbd.go.th
 
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
แฟรนไชส์ P.P.TYRE ร่วม..
1,745
แฟรนไชส์ “ไจแอ้นลูกชิ้..
1,513
“โฮมแคร์ภิบาล” จัด Ope..
1,490
ชีสซี่ฟราย สแน็ค เปิด ..
1,188
เรียนสร้างแฟรนไชส์ ในค..
907
ธงไชยผัดไทย เปิดโครงกา..
899
ข่าว SMEsมาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด