|
|
|
|
10 มกราคม 2555 |
บาร์บีคิวพลาซ่าปั้นแบรนด์บุกอาเซียน
บาร์บีคิวฯ บุกตลาดอาเซียนปั้นแบรนด์ระดับภูมิภาค วาดเป้า 5ปีแตะ 300 สาขาใน3ประเทศหลัก
น.ส.ชาตยา ชูพจน์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทเดอะบาร์บีคิว พลาซ่า ผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหารบาร์บีคิว พลาซ่า เปิดเผยว่านับจากปี55นี้เป็นต้นไป บริษัทมุ่งให้ความสนใจการดำเนินธุรกิจร้านอาหารแบรนด์ดังกล่าวในต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมวางตำแหน่งให้ บาร์บีคิว พลาซ่า เป็นแบรนด์ร้านอาหารในระดับภูมิภาค(รีจินัล แบรนด์) จาก 5ปีก่อนบริษัทได้เข้าไปร่วมลงทุน(เจวีซี)ดำเนินธุรกิจร้านบาร์บีคิว พลาซ่าในมาเลเซีย และประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี จากปัจจุบันมี 9 สาขา และวางเป้าไม่ต่ำกว่า 20 สาขาในประเทศดังกล่าวภายใน3ปีจากนี้
ทั้งนี้ บริษัทจะนำรูปแบบการดำเนินธุรกิจ(บิสซิเนส โมเดล)ที่ประสบความสำเร็จในมาเลเซีย ขยายสาขาในประเทศอื่นๆที่สนใจ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจราจารายละเอียดและการหาทำเล เพื่อดำเนินธุรกิจร้านบาร์บีคิวฯ ในกรุงจาร์กาต้า ประเทศอินโดนีเซียในปีนี้ รวมถึง สิงคโปร์ และเวียดนาม เป็นลำดับต่อไป โดยวางเป้าสู่การเป็น ‘รีจินัล แบรนด์’ ร้านอาหารระดับอาเซียน ภายใน 2ปีนับจากนี้ ซึ่งในเบื้องต้นจะครอบคลุม 3ประเทศหลักก่อน คือ ไทย , มาเลเซีย และอินโดนีเซีย โดยคาดว่าภายใน 5ปี จะมีสาขาเปิดให้บริการไม่ต่ำกว่า 300 แห่ง 3ประเทศดังกล่าว
สำหรับแผนธุรกิจในปี55 นี้ บริษัทเตรียมงบไม่ต่ำกว่า 450 ล้านบาท แบ่งเป็นงบการทำตลาด 300 ล้านบาท พร้อมใช้กลยุทธ์หลัก 'คาแรกเตอร์ มาร์เก็ตติง' เพื่อทำตลาดครั้งใหญ่ของปีนี้ โดยเปิดตัว ‘บาร์บีกอน’ โฉมใหม่ เพื่อตอกย้ำแนวคิด ตัวจริง “อร่อยจริงเรื่องปิ้งย่าง” เพื่อขยายฐานกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆเพิ่ม ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ และ วัยรุ่น จากกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ กลุ่มครอบครัว ส่วนงบลงทุนอีก 150 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงโฉมสาขาเดิมและขยายสาขาใหม่เพิ่มในปีนี้อีก 10 สาขา ในประเทศ อาทิ อุดรธานี, สุพรรณบุรี, หาดใหญ่, สุราษฎร์ธานี และอีก 6 สาขาใน กัวลาลัมเปอร์, ปีนัง และ มะละกา ในมาเลเซีย
ทั้งนี้ บริษัทมีสาขาร้านบาร์บีคิวฯ ทั้งสิ้น 86 สาขาทั่วประเทศ โดยมีสาขาในต่างจังหวัดราว 20แห่ง ซึ่งแนวทางการขยายสาขานับจากนี้ไป จะมุ่งทำตลาดในต่างจังหวัดมากขึ้น ขณะที่ปลายปี54ที่ผ่านมา บริษัทได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่เล็กน้อย ในโรงงานผลิตอาหารที่นิคมอุตสาหกรรมนวนคร ทำให้วัตถุดิบไม่เพียงพอ ส่งผลให้ต้องปิดให้บริการในบางสาขาชั่วคราว อย่างไรก็ตามภาพรวมการดำเนินธุรกิจในปี54 ที่ผ่านมา บริษัทยังมีอัตราเติบโต 10% จากเป้าเดิมที่วางไว้ 12% เนื่องจากในช่วง 3ไตรมาสแรกปีก่อน บริษัทมีอัตราเติบโต15% ส่วนในปีนี้ บริษัทคาดมียอดขายเติบโต 15%
ปัจจุบันภาพรวมตลาดร้านอาหารประเภทปรุงด้วยตัวเอง(เซลฟ์ คุกกิง)อาทิ หม้อไฟ สุกี้, ชาบู หรือ ปิ้งย่างฯลฯ มีมูลค่ารวมกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มปิ้งย่าง 30% หรือกว่า 3,600 ล้านบาท และมีอัตราเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ซึ่งเป็นผลมาจากการที่มีแบรนด์ใหม่ๆเข้ามาทำตลาดในร้านอาหารมากขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคที่มีพฤติกรรมนิยมรับประทานอาหารนอกบ้านมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการร้านอาหารรายเดิมที่มีอยู่ในตลาดต้องปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้มากที่สุด
อ้างอิงจาก โพสต์ทูเดย์
|
|
|
|
|
