|
|
|
|
14 ธันวาคม 2554 |
ไก่ห้าดาวบินไกล รุกตลาดอินเดีย ขาย"แฟรนไชส์"
ซีพีส่ง "ธุรกิจห้าดาว" สยายปีกบุกอินเดีย ขนชุดใหญ่ลุย "บังคาลอร์" หวังปั้นเป็นต้นแบบ เดินหน้าขยายจุดขายในประเทศต่อเนื่อง สุ่มเปิด "ไก่บ้านย่าง" เสริมทัพ ลั่นปีหน้าจุดขายทะลุ 5,300 แห่ง กวาดนิ่ม ๆ 5.6 ล้าน ชี้อานิสงส์น้ำท่วมหนุนยอดโตทะลุเป้า
ขณะที่ "เจริญโภคภัณฑ์อาหาร" หรือ "ซีพีเอฟ" กำลังรุกไปสู่เป้าหมายครัวไทยสู่ครัวโลก แบรนด์ภายใต้ร่มเงาอย่าง "ห้าดาว" ก็มีความเคลื่อนไหวที่น่าจับตาอย่างยิ่ง เพราะนอกจากความแข็งแกร่งของแบรนด์ที่มียอดขายและจุดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง ต้นปี 2555 ยังเป็นครั้งแรกของธุรกิจห้าดาวที่จะขยายตลาดไปยังต่างประเทศอย่างจริงจัง
นายสถิต สังขนฤบดี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพีเอฟ ผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด ในเครือบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพี เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2555 มีแผนลงทุนขยายจุดขายธุรกิจ "ห้าดาว" อย่างต่อเนื่อง และเพื่อเพิ่มโอกาสการเติบโต ปีหน้าห้าดาวจะขยายตลาดไปอินเดีย จากที่ได้เข้าไปศึกษาตลาดพบว่ามีศักยภาพมาก ไม่เพียงเฉพาะการขยายตัวทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อเท่านั้น แต่ละรัฐในอินเดียก็มีประชากรมาก แต่ละรัฐมีประชากร 70-80 ล้านคนเท่า ๆ เมืองไทย เมืองหลวงของรัฐมีประชากร 6-7 ล้านคน และคนอินเดียก็กินไก่ทอดไก่ย่าง รวมทั้งเป็นตลาดที่มีคู่แข่งไม่มาก
บริษัทจะเข้าไปลงทุนที่บังคาลอร์เป็นเมืองแรก จะเริ่มส่งทีมงานจากเมืองไทยไปตั้งแต่เดือนมกราคม หากสำเร็จก็จะขยายไปเมืองอื่น ๆ ต่อไป ช่วงแรกบริษัทจะไปทำเป็นโมเดลต้นแบบเอง และต่อไปทำคอนเซ็ปต์แฟรนไชส์ ซึ่งตลาดในอินเดียมีโอกาสดี เนื่องจากตลาดอาหารของอินเดียนั้นเทียบกับเมืองไทยเมื่อสัก 20-30 ปี ดังนั้นจึงต้องเข้าไปสอน เข้าไปให้ความรู้ และมีโอกาสจะประสบความสำเร็จค่อนข้างสูง
"เรามีพื้นฐานทางธุรกิจในอินเดียอยู่แล้ว ซีพีได้เข้าไปลงทุนในอินเดียมานานกว่า 10 ปีแล้ว มีฟาร์ม ทีมงานซัพพอร์ต ดังนั้นจึงมีวัตถุดิบที่จะรองรับธุรกิจของห้าดาวได้ อาจจะใช้ชื่อว่า Roast and Fried Chicken ย่างและทอดในซุ้มเดียวกัน"
ที่ผ่านมาไก่ย่างห้าดาวมีจำหน่ายในหลาย ๆ ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม แต่มีสาขาไม่มากนัก และแต่ละประเทศจะบริหารโดยทีมงานของซีพีที่เข้าไปดำเนินธุรกิจในประเทศนั้น ๆ
 สำหรับตลาดในประเทศ นายสถิตกล่าวว่า ยังมีแผนจะขยายจุดขายอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าเปิดเพิ่มปีละ 800 จุด ปีหน้าคาดว่าจะมีจุดขายเพิ่มเป็น 5,300 จุด เพิ่มจาก 4,500 จุดในปีนี้ ประกอบด้วย ไก่ย่าง 150 จุด (จาก 2,400 จุด), ไก่ทอด 200 จุด (จาก 1,300 จุด), ข้าวมันไก่ 300 จุด (จาก 600 จุด), เรดดี้ มีล 100 จุด (จาก 90 จุด), บะหมี่เกี๊ยวกุ้ง 50 จุด (จาก 200 จุด)
ปีหน้าจะเพิ่มงบฯการตลาดเป็น 150 ล้านบาท จาก 130 ล้านบาทในปีนี้ เน้นโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ วิทยุ หลัก ๆ จะเน้นการสร้างแบรนด์ การสื่อให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายทราบถึงเมนูใหม่ โปรโมชั่นใหม่ รวมทั้งการจัดกิจกรรมเพื่อจูงใจผู้ที่ต้องการจะเป็นเจ้าของธุรกิจเป็นระยะ ๆ เช่น ส่วนลด 3,000 บาท
นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดตัวซุ้มไก่ย่างไก่บ้านห้าดาว หลังทดลองตลาดได้ 4 เดือน มี 20 ซุ้ม พบว่าได้รับการตอบรับที่ดี จากยอดขายสัปดาห์ละ 2 หมื่นตัว ก็เพิ่มเป็น 3 หมื่นตัว และเดือนมีนาคมจะเริ่มมีโฆษณาออกมาสนับสนุน ส่วนอีกตัวหนึ่งที่อยู่ระหว่างการทดลองก็คือ ไส้กรอก ซึ่งตอนนี้มีประมาณ 20 สาขา ควบคู่กันนี้ยังมีแผนพัฒนาธุรกิจและสินค้าใหม่ ๆ เมนูใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง
นายสถิตยังกล่าวถึงผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมที่ผ่านมาว่า แม้ว่าจุดขายจะได้รับผลกระทบและต้องหยุดขายไปประมาณ 700 จุด จาก 4,400 จุด หรือ 16% แต่โดยรวมธุรกิจห้าดาวไม่ได้รับผลกระทบนัก เนื่องจากโรงงานทั้ง 3 แห่ง (นครราชสีมา เชียงใหม่ และบางนา) ยังสามารถผลิตสินค้าป้อนตลาดได้ตามปกติ โดยในภาพรวมยอดขายพบว่าเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา หลัก ๆ มาจากความต้องการของผู้บริโภคที่มากขึ้น จุดขายหลาย ๆ แห่งเพิ่มขึ้น 40-50%
"วิกฤตครั้งนี้ก็เป็นโอกาส ไม่ใช่แค่ห้าดาว อาหารในร้านสะดวกซื้อถ้ามีของขายก็ขายดี รถเข็นก็ขายดี และจากปัญหาน้ำท่วม บางบริษัทเลิกจ้างงาน ย้ายฐานการผลิต ภาพรวมน่าจะกระทบปัญหาแรงงาน ถือเป็นโอกาสของห้าดาวที่เน้นสร้างงานสร้างอาชีพ ดังนั้นแรงงานกลุ่มนี้ที่พอจะมีเงินเก็บอยู่บ้างก็มีโอกาสจะเข้ามาเป็นเจ้าของธุรกิจ"
นายสถิตกล่าวว่า เมื่อช่วง 18-30 พฤศจิกายนที่ผ่านมาได้จัดรายการช่วย ผู้ที่ตกงานจากน้ำท่วมด้วยการมอบส่วนลด 3,000 บาท และตอนนี้ก็ยังให้ส่วนลดนี้อยู่ ส่วนจุดขายที่ได้รับความเสียหาย บริษัทก็มีอุปกรณ์เปลี่ยนให้ใหม่ ฟรีหมด เพื่อให้สามารถกลับมาขายของให้เร็วที่สุด และตอนนี้ก็มีผู้สนใจเข้ามาเรื่อย ๆ มั่นใจว่าสิ้นปีนี้จะมี 4,500 จุดขายตามเป้า และมียอดขายรวม 4,600 ล้านบาท หรือโต 21% จากเป้าที่วางไว้ 20% ส่วนปี 2555 ตั้งเป้าโต 22% หรือคิดเป็นยอดขายราว 5,600 ล้านบาท
อ้างอิงจาก ประชาชาติธุรกิจ
|
|
|
|
|
