828
20 มิถุนายน 2565
กรมพัฒน์ฯ เน้นพัฒนาบุคลากรภายในองค์กรให้บริการประชาชน และ ที่ปรึกษาภาคธุรกิจพร้อมใช้บิ๊กดาต้าเป็นเครื่องมือนำพาสู่ความสำเร็จ
 

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ขานรับนโยบายรัฐบาล ปั้นบุคลากรภายในองค์กรให้มีสมรรถนะสูงรองรับนโยบายและการเปลี่ยนแปลงทุกรูปแบบ จากตั้งรับเป็นเดินหน้ารุก เน้นสวมหมวก 2 ใบ เป็นทั้งผู้ให้บริการประชาชนและที่ปรึกษาภาคธุรกิจ พร้อมใช้บิ๊กดาต้าเป็นเครื่องมือนำพาสู่ความสำเร็จ หวังประชาชนได้รับบริการที่ดีมีความพึงพอใจสูงสุด ภาคธุรกิจเติบโตอย่างสมดุล เชื่อบุคลากรที่มีความรู้คู่คุณธรรมจะนำพาองค์กรเข้มแข็ง ส่งผลภาครัฐแข็งแกร่ง ประเทศชาติมั่นคง
 
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “ตามที่รัฐบาลมีนโยบายให้หน่วยงานภาครัฐเร่งผลิตและพัฒนาบุคลากรให้มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับความต้องการด้านต่างๆ ของประเทศ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อสร้างความเข้มแข็งแก่ภาคธุรกิจระยะยาว กรมฯ จึงกำหนดให้นโยบายด้านการพัฒนาและเสริมสร้างสมรรถนะบุคลากรภายในองค์กรเป็นยุทธศาสตร์และภารกิจหลักที่ต้องเร่งดำเนินการเพื่อตอบสนองความต้องการของภาคธุรกิจและประชาชนอย่างตรงจุด ขณะเดียวกัน เพื่อรองรับการก้าวเข้าสู่สังคมแห่งอนาคตอย่างเต็มรูปแบบ
 
“กรมฯ ได้จัดทำแผนพัฒนาบุคลากรแบบ 3 Types for The Success คือ การฝึกปฏิบัติ (Practice) การศึกษา (Education or Further Study) และการฝึกอบรม (Training) โดยเน้นการเพิ่มขีดความสามารถ 3 ด้าน ได้แก่ ด้านทักษะเฉพาะด้านตามกลุ่มงาน/สายงาน (Technical Competency) ด้านความสัมพันธ์ส่วนบุคคล (Interpersonal Competency) และด้านสติปัญญา (Intellectual Competency) ซึ่งทั้ง 3 ส่วน จะช่วยเติมเต็มจุดอ่อน/เสริมจุดแข็งให้บุคลากรภายในองค์กรแบบครบวงจร รวมถึงปรับเปลี่ยนบริบทการทำงาน จากการตั้งรับเป็นเดินหน้ารุก เพื่อให้ทันต่อความต้องการของภาคธุรกิจ/ประชาชน ช่วยให้เกิดความกระตือรือร้น กล้ารับ กล้าคิด กล้าที่จะนำการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับทุกการทำงาน โดยหวังผลสัมฤทธิ์สูงสุดของงาน (Outcome) เป็นที่ตั้ง
 
อธิบดีฯ กล่าวต่อว่า ในฐานะที่กรมฯ เป็นหน่วยงานต้นสายปลายทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจตั้งแต่การเริ่มต้นจัดตั้งธุรกิจจนถึงเลิกประกอบกิจการ ทำให้ภารกิจด้านการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญ กรมฯ ได้วางนโยบายพัฒนาให้ข้าราชการสวมหมวกการทำงาน 2 ใบ เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่ดีมีความพึงพอใจสูงสุด และภาคธุรกิจโดยเฉพาะเอสเอ็มอีและไมโครเอสเอ็มอีเติบโตอย่างสมดุลและเข้มแข็ง โดย หมวกใบที่ 1 เป็นการให้บริการประชาชนตามภารกิจกรมฯ ด้วยความเต็มที่และเต็มใจ หมวกใบที่ 2 เป็นที่ปรึกษาภาคธุรกิจ โดยปัญหาสำคัญของเอสเอ็มอีและไมโครเอสเอ็มอี คือ การขาดที่ปรึกษาทางธุรกิจที่ดี
 
กรมฯ จึงพัฒนาบุคลากรให้สามารถเป็นที่ปรึกษาแก่ภาคธุรกิจ ช่วยวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานในการประกอบธุรกิจ โดยใช้คลังข้อมูลธุรกิจ (DBD DataWarehouse+) ของกรมฯ ซึ่งเป็นบิ๊กดาต้าธุรกิจขนาดใหญ่เข้ามาเป็นเครื่องมือช่วยผลักดันให้ภาคธุรกิจประสบความสำเร็จ โดยกรมฯ ได้จัดอบรมหลักสูตร ติดอาวุธ เพิ่มพลัง ด้วยการใช้ข้อมูล (Empower) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์ข้อมูลและวิธีนำข้อมูลจากระบบ DBD DataWarehouse+ มาใช้ในการทำงาน

รวมทั้ง หลักสูตร ยกระดับผู้นำสู่องค์กรดิจิทัล (Digital Leadership for Digital Transformation) ซึ่งเป็นหลักสูตรเฉพาะสำหรับข้าราชการระดับชำนาญการพิเศษ และข้าราชการกลุ่ม Talent เพื่อให้สามารถเป็นผู้นำในยุคดิจิทัล อันเป็นกลไกสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนองค์กร และนำพาทีมงานก้าวสู่ยุคดิจิทัลไปพร้อมกัน ระยะต่อไปกรมฯ จะพัฒนาหลักสูตรสร้างที่ปรึกษาภาคธุรกิจ และหลักสูตรที่ช่วยเสริมศักยภาพด้านนวัตกรรมบริการในรูปแบบของ Project Based มากยิ่งขึ้น เพื่อให้บุคลากรสามารถเป็นที่ปรึกษาภาคธุรกิจและนำความต้องการของภาคธุรกิจมาปรับกระบวนงาน ต่อยอดนวัตกรรมสร้างสรรค์บริการดิจิทัลใหม่ หรือพัฒนาจากของเดิมอย่างมีประสิทธิภาพ
 
กรมฯ ได้มีการแบ่งกลุ่มข้าราชการและเจ้าหน้าที่กรมฯ ออกตามช่วงอายุ (Generation) และตามภาระหน้าที่ เพื่อพัฒนาบุคลากรในรูปแบบ Cross Generation ผ่านหลักสูตร พี่อยากโค้ช น้องขอคุย (Powered by DBD WE Talk) โดยเน้นการพัฒนาแบบมีส่วนร่วม (Developmental Partnership) จากผู้บริหารในปีที่เกษียณอายุ (Mentor) เป็นพี่เลี้ยงที่ทำหน้าที่แลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และมุมมองส่วนบุคคล เพื่อเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้บริหาร แลกเปลี่ยนพูดคุยระหว่างบุคลากรที่มาจากต่างสายงาน และต่างช่วงอายุทำให้เข้าใจเนื้องานและภารกิจของเพื่อนร่วมงาน เห็นถึงปัญหา/อุปสรรคในการทำงาน สามารถหาแนวทางการแก้ไขร่วมกันเพื่อให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
ทั้งนี้ กรมฯ ได้วางแนวทางพัฒนาบุคลากรอย่างเป็นระบบและเหมาะสมแต่ละบุคคล เพื่อให้ทุกคนมีความสุขในการทำงาน พร้อมให้บริการประชาชนด้วยความเต็มที่และเต็มใจ ขณะเดียวกัน ต้องมีการพัฒนาจิตใจและความประพฤติให้มีคุณธรรม-จริยธรรม ยืนอยู่บนความซื่อสัตย์สุจริตและมีธรรมาภิบาลในการทำงาน เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ข้าราชการรุ่นต่อๆ ไป รวมถึง การปรับทัศนคติให้มองการอบรมฯ เป็นการเติมทักษะสำหรับอนาคต และสร้างเครือข่าย

ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการทำงานในศตวรรษที่ 21 ทั้งการพัฒนาตนเองผ่านการทำงาน (OJT) การโค้ชโดยพี่เลี้ยง (Mentoring) การจัดอบรมหลักสูตรต่างๆ ทั้งภายในองค์กร และส่งบุคลากรเข้าร่วมอบรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากกรณีศึกษาภายนอกองค์กร ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว คนที่จะได้รับประโยชน์สูงสุด ก็คือ ข้าราชการผู้เข้ารับการพัฒนาเอง สามารถเป็นที่ปรึกษาภาคธุรกิจ ส่งผลดีต่อองค์กรให้มีความเข้มแข็ง น่าเชื่อถือ ภาครัฐมีความแข็งแกร่ง และประเทศชาติมีความมั่นคง” อธิบดีฯ กล่าวทิ้งท้าย


ที่มา : MGRonline.com
 
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
แฟรนไชส์ P.P.TYRE ร่วม..
1,728
แฟรนไชส์ “ไจแอ้นลูกชิ้..
1,496
“โฮมแคร์ภิบาล” จัด Ope..
1,475
ชีสซี่ฟราย สแน็ค เปิด ..
1,158
เรียนสร้างแฟรนไชส์ ในค..
904
ธงไชยผัดไทย เปิดโครงกา..
868
ข่าว SMEsมาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด