930
31 มกราคม 2565
สสว. MOU อบก. (TGO) ติดอาวุธ SME ส่งออก ด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจก
 

สสว. จับมือ TGO เสริมสร้างความรู้ด้านบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก มุ่งพัฒนาขีดความสามารถให้เอสเอ็มอีกลุ่มส่งออกสินค้า 5 กลุ่มหลัก ทั้งเหล็ก อลูมิเนียม ซีเมนต์ ปุ๋ย และบริการไฟฟ้า ที่มีจำนวนกว่า 845 ราย มูลค่ารวมกว่า 3,155 ล้านบาท สามารถรักษาโอกาสทางการตลาดในยุโรป สหรัฐอเมริกา ให้มั่นคงและยั่งยืน 
 
นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เผยว่า ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายผลักดันเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว หรือ Bio-Circular-Green Economy : BCG ให้เป็นกลไกสำคัญของการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจประเทศ โดยเฉพาะเรื่องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายใต้กลไกการพัฒนาที่สะอาด (Clean Development Mechanism: CDM)

การใช้คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) ที่ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นสำคัญให้ทุกประเทศที่ต้องการส่งออกสินค้าไปกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปต้องถือปฏิบัติ รวมถึงส่งเสริมการใช้คาร์บอนฟุตพริ้นของผลิตภัณฑ์อย่างยั่งยืน ตอบสนองนโยบายที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประกาศไว้ในการประชุม COP26 (Conference of the Parties ครั้งที่ 26) จัดขึ้นที่เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ เมื่อ พ.ย. 2564 ที่ผ่านมา
 
“สสว. ให้ความสำคัญในการสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้มีความรู้ มีความพร้อมที่จะปรับตัวรับกับกำแพงภาษีในรูปแบบใหม่ๆ เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ โดยเฉพาะมาตรการที่สหภาพยุโรปจะเริ่มนำมาใช้ในปี 2566 ที่กำหนดให้ผู้ผลิตต้องแสดงปริมาณคาร์บอนในสินค้าที่จะส่งเข้าไปยังสหภาพยุโรป และจะจำกัดการนำเข้าสินค้าที่ก่อให้เกิดคาร์บอนอย่างจริงจังในปี 2569 ซึ่งเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อผู้ประกอบการโดยตรง

ด้วยเหตุนี้ สสว. จึงได้ร่วมกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ทำบันทึกตกลงความร่วมมือในการสร้างความรู้ ความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะกลุ่มที่ส่งออกสินค้าไปสหภาพยุโรป ที่มีจำนวนกว่า 1,697 ราย มูลค่ากว่า 12,958.17 ล้านบาท จำนวนนี้เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 864 ราย คิดเป็นมูลค่ากว่า 3,155.86 ล้านบาท ให้ยังคงรักษาโอกาสทางการแข่งขันไว้ได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน” ผอ.สสว. กล่าว  
 
โดยการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ กับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก. หรือ Thailand Greenhouse Gas Management Organization : TGO) จะมุ่งสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ให้สามารถปรับตัวและเข้าถึงการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก และส่งเสริมการใช้คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) ของผลิตภัณฑ์ โดยมีผลบังคับกับ 5 กลุ่มสินค้า

ได้แก่ เหล็ก อลูมิเนียม ซีเมนต์ ปุ๋ย และบริการไฟฟ้า ซึ่งมีผู้ประกอบการส่งออกสินค้าในกลุ่มนี้รวม 1,697 ราย (ข้อมูล ณ ตุลาคม 2564) มูลค่าการส่งออก 12,958.17 ล้านบาท (392.91 ล้านเหรียญสหรัฐ) จำนวนนี้เป็นผู้ประกอบการ SME รวม 864 ราย มูลค่าการส่งออก 3,155.86 ล้านบาท (95.69 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือประมาณ 24.35% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าในกลุ่มนี้ไปยังสหภาพยุโรป
 
 
นอกจากนี้ เมื่อพิจารณา Supply Chain ในกลุ่มดังกล่าว พบว่า มีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เกี่ยวข้องที่อาจจะได้รับผลกระทบกว่า 53,000 ราย คิดเป็นมูลค่ากว่า 98,000 ล้านบาท ปัจจุบันสินค้าที่ส่งออกไปยังสหภาพยุโรปมูลค่าสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ อุปกรณ์ไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องจักรคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ยางและผลิตภัณฑ์ยาง ยานยนต์และส่วนประกอบ พลาสติกและผลิตภัณฑ์ ของเล่นและอุปกรณ์ ของทำด้วยเหล็กหรือเหล็กกล้า เครื่องแต่งกาย และของปรุงแต่งเบ็ดเตล็ดที่ใช้บริโภคได้
 
“ความร่วมมือครั้งนี้เป็นหนึ่งในกลไกที่ สสว. จะเชื่อมสิทธิประโยชน์จากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เพื่อสนับสนุนผู้ผลิตสินค้าหรือบริการที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลง ช่วยสร้างการรับรู้ให้กับผู้บริโภค สร้างกลไกทางการตลาดในการกระตุ้นให้ผู้ผลิตที่พัฒนาสินค้าที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามความต้องการของผู้บริโภค สามารถเข้าถึงบริการผ่านระบบ BDS (Business Development Service) และสิทธิประโยชน์อื่นๆ ตามภารกิจของ สสว. เพื่อให้เกิดประโยชน์กับเอสเอ็มอีมากที่สุด” นายวีระพงศ์ กล่าว
 
นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO กล่าวว่า TGO เป็นองค์กรสนับสนุนหลักในการขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจกให้ประเทศมุ่งสู่เศรษฐกิจสังคมคาร์บอนต่ำ ซึ่งจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กอปรกับประเทศไทยมีเป้าหมายไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon Neutrality ภายในปี ค.ศ. 2050

และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero GHG ในปี ค.ศ. 2065 ซึ่งการจะไปสู่เป้าหมายดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนอย่างจริงจัง โดยเฉพาะผู้ประกอบการเอสเอ็มอีซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจที่มีจำนวนมากที่สุด และเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนให้ประเทศบรรลุเป้าหมายดังกล่าว
 
“ความร่วมมือกับ สสว. ในครั้งนี้ มุ่งหวังเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการเพื่อรับมือกับความเสี่ยงดังกล่าว อาทิ มาตรการกีดกันทางการค้าจากสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา รวมถึงระเบียบข้อบังคับต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต อาทิ ตลาดสีเขียว ตลาดคาร์บอน การเข้าถึงแหล่งเงินทุนสีเขียว ฯลฯ

ด้วยการพัฒนาความรู้ความเข้าใจในความเสี่ยงที่ต้องรับมือและปรับตัวต่อผลกระทบเกี่ยวกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหรือคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ให้สามารถนำไปสู่การพัฒนาสินค้าและบริการของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงส่งเสริมให้ผู้บริโภคมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าหรือบริการที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อย

ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้ผู้ประกอบการพัฒนาสินค้าให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามความต้องการของผู้บริโภค รวมทั้งจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถของอุตสาหกรรมไทยในการแข่งขันในตลาดโลกอีกด้วย” นายเกียรติชาย ระบุ


ที่มา : mgronline.com
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
แฟรนไชส์ P.P.TYRE ร่วม..
1,679
แฟรนไชส์ “ไจแอ้นลูกชิ้..
1,477
“โฮมแคร์ภิบาล” จัด Ope..
1,447
ชีสซี่ฟราย สแน็ค เปิด ..
1,142
เรียนสร้างแฟรนไชส์ ในค..
895
ธงไชยผัดไทย เปิดโครงกา..
845
ข่าว SMEsมาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด