3.9K
18 ธันวาคม 2553

ธุรกิจ SMEs เร่งสร้างมาตรฐานรับ AEC 


 
ต้องยอมรับว่าการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก
       
        สมาคมไทยรับสร้างบ้าน จึงเป็นหัวเรือใหญ่ระดมมันสมองจากนักวิชาการ นักธุรกิจ เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะรับมือกับการเปิด AEC เพราะผู้ประกอบธุรกิจรับสร้างบ้าน ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก
       
        สุภัฒ สงวนดีกุล ผู้อำนวยการสำนักอาเซียนกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC มีความสำคัญอย่างมากต่อเศรษฐกิจของไทย เนื่องจากมีผลต่อธุรกิจส่งออกและการลงทุนของกลุ่มนักธุรกิจจากต่างประเทศ ซึ่งปัญหาสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อ SME คือการเปิดให้นักลงทุนจากประเทศสมาชิกสามารถเข้าไปลงทุนและถือหุ้นในสัดส่วนมากกว่ากลุ่มทุนในประเทศได้โดยสามารถถือหุ้นใหญ่ได้สูงกว่า 70% ในปี 2558 ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการแข่งขันกันอย่างรุนแรง ผู้ประกอบการจะต้องปรับตัว เพิ่มศักยภาพและมาตรฐานให้เทียบเท่าระดับสากล
 

       
        รศ.มานพ พงศทัต อาจารย์ประจำภาควิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือการเคลื่อนย้ายของแรงงานฝีมือซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับวิชาชีพต่างๆ ทั้งนี้ เห็นว่าการออกไปเจาะตลาดต่างประเทศจะมีโอกาสเกิดและเติบโตมากกว่าการตั้งรับคู่แข่งทางธุรกิจที่จะเข้ามาเพียงอย่างเดียว เนื่องจากการตั้งรับเป็นเรื่องที่ยากกว่าการออกไปสร้างโอกาส
       
        พีระพงษ์ กิตติเวชโภคาวัฒน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดและการพัฒนาระบบแฟรนไชส์ กล่าวว่า แนวทางการรับมือกับการเปิดเสรีทางการค้าเสรีนั้นผู้ประกอบการจะต้องสร้างมาตรฐานและพัฒนาองค์กร ที่สำคัญควรมีการเสริมศักยภาพ 3 ด้านคือ

  1. การหาพันธมิตรทางการค้า
  2. การออกแบบกระบวนการทางการค้าใหม่
  3. การสร้างเน็ตเวิร์คทางธุรกิจ หรือเน็ตเวิร์คดีไซน์ ซึ่งถือเป็นการเตรียมความพร้อมของการก้าวไปสู่การเปิดตลาดต่างประเทศ

       


ขณะที่สิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน กล่าวว่า ตลาดรับสร้างบ้านยังกระจุกตัวอยู่ใน กทม.และปริมณฑล ทำให้มีข้อจำกัดในการขยายตัว เนื่องจากยังไม่มีการขยายตลาดไปในพื้นที่ต่างจังหวัด ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ ทำให้ธุรกิจรับสร้างบ้านยังมีช่องว่างและโอกาสในการสร้างตลาดใหม่ๆ ในต่างจังหวัดอยู่ค่อนข้างมาก นอกจากนี้พฤติกรรมการปลูกบ้านของผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนไป จากที่ในอดีตจะใช้เงินออมเพื่อปลูกสร้างบ้านมาเป็นการใช้สินเชื่อจากสถาบันการเงิน ซึ่งจะทำให้ตลาดรับสร้างบ้านมีแนวโน้มขยายตัวที่ดีในอนาคต

โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่นิยมใช้สินเชื่อในการสร้างบ้านทำให้สัดส่วนในการขอสินเชื่อเพื่อการสร้างบ้านขยายตัวมากขึ้นจากเดิมที่ก่อนหน้านี้กลุ่มผู้บริโภคสร้างบ้านเองจะนิยมใช้เงินออมในการก่อสร้างบ้านซึ่งมีสัดส่วนถึง70-80% ของตลาดรวม

อ้างอิงจาก ผู้จัดการ 360°
 

ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สาขาใหม่ มาแล้ว! ทูลเก..
6,196
PLAY Q by CST bright u..
1,325
มาแล้ว! #งานแฟรนไชส์ ม..
947
อร่อย! เลิศ! รสเด็ด ก๋..
945
สุดปัง! แฟรนไชส์หม่าล่..
794
ลงทุนกับ “ซุปซุป” ร้าน..
769
ข่าว SMEsมาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด