4.3K
26 พฤศจิกายน 2553

ปีหน้าแฟรนไชส์ไทยได้เฮโตแตะ 30% จากแรงหนุน    
   
 

นายกสมาคมแฟรนไชส์ไทยฟันธง ปีหน้าแรงหนุนจากปัจจัยหลัก 5 ข้อ ในเรื่องการส่งเสริมของภาครัฐ แบงก์มีนโยบายปล่อยกู้ธุรกิจแฟรนไชส์ 3,000 ล้านบาท การ ส่งเสริมของภาคเอกชน แนวโน้มการเติบโตเศรษฐกิจจะผลักดันให้ธุรกิจแฟรนไชส์เติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 30% จนเรียกว่าเป็นปีทองที่ผู้ขายแฟรนไชส์ต้องเตรียมความพร้อมของตนเองให้แข็งแกร่งด้วย

นางสาวสมจิตร ลิขิตสถาพร นายกสมาคมแฟรนไชส์ไทย กล่าวว่า สำหรับธุรกิจแฟรนไชส์ปีหน้า อาจจะเป็นช่วงเวลาสำคัญในการเปลี่ยนแปลง ทั้งๆ ที่ในช่วงเวลาที่ผ่านมาการเติบโตของธุรกิจแฟรนไชส์ในด้านของแฟรนไชซอร์เติบโตอยู่อัตรา 10% ขณะที่แฟรนไชซี่เติบโตอยู่ที่ 25% ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่อยู่ในระดับนี้คงที่มาตั้งแต่ 2-3 ปีที่ผ่านมา
 


โดยในปี 2554 คาดว่าจะเป็นปีทองของธุรกิจนี้เพราะมีการประเมินสถานการณ์การเติบโตอยู่ที่ 4-5% ทั้งในด้านของแฟรนไชซอร์และแฟรนไชซี่ ทั้งนี้ คาดว่าอัตราการเติบโตของแฟรนไช-ซอร์น่าจะอยู่ในระดับ 12-15% และแฟรนไชซี่ 28-30% ทั้งนี้ แรงหนุนที่ส่งให้ธุรกิจเติบโตมาจาก 5 ปัจจัยหลัก ดังนี้

  1. การส่งเสริมของภาครัฐด้วยนโยบายการสนับสนุนของภาครัฐ ในเรื่องของการส่งเสริม SME ทั้งในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม ทำให้ธุรกิจแฟรนไชส์นั้นมีบทบาทสำคัญไปด้วย เพราะรูปแบบของธุรกิจแฟรนไชส์เป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมีพัฒนาการ และสามารถสร้างการขยายตัวให้กับธุรกิจ SME ได้อย่างรวดเร็ว

    ด้วยนโยบายของรัฐบาลที่มีโครงการแฟรนไชส์ อะคาเดมี และการให้รางวัลมาตรฐานของอุตสาหกรรมแฟรนไชส์ รวมทั้งมาตรการการส่งเสริมเอสเอ็มอี ผ่านทางสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางขนาดย่อมของ สสว. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ล้วนมีส่วนที่เกี่ยวพันกับแฟรนไชส์ทั้งสิ้น ที่จะมีผล ทำให้ธุรกิจ แฟรนไชส์มีการขยายตัวได้ดีจากมาตรการส่งเสริมเหล่านั้น

    อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าว ยังอาจจะมีความคลาดเคลื่อนไปบ้าง ขึ้นกับความต่อเนื่องของรัฐบาลด้วย เพราะการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเร็ววันนี้ จะทำให้มีการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี โครงการในฝันต่างๆ อาจจะมีการสานต่อหรือเปลี่ยนไปในทิศทางเช่นไร ก็ต้องคอยดูท่าทีรัฐบาลทีมใหม่ด้วย 
     
  2. การให้สินเชื่อของสถาบันการเงิน ที่ปัจจุบันเริ่มมีทิศทางชัดเจนมากขึ้นไม่ว่าจะเป็น ทางธนาคารกสิกรไทยที่ได้มีนโยบายให้เงินกู้สำหรับธุรกิจแฟรนไชส์ในวงเงิน 3,000 ล้านบาท โดยมีเงื่อนไขที่ผ่อนปรนและมีการสร้างความร่วมมือกับแฟรนไซซอร์ หรือผู้ขายแฟรนไชส์โดยตรงเช่นเดียวกันกับสถาบันการเงินอื่นที่จะมีโครงการใหม่ๆ ออกมาในแนวทางที่คล้ายคลึงกันซึ่งเป็นตัวเร่งความสำคัญที่ทำให้การแฟรนไชส์เติบโตอย่างเห็นได้ชัด



     
  3. กิจกรรมส่งเสริมของสมาคมและเอกชน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างกิจกรรมของสมาคมแฟรนไชส์โดยการรวมตัวของภาคเอกชน ถึงแม้ว่าในปัจจุบันมีอยู่ถึง 3 สมาคมก็ตาม แต่ก็มีแนวทางสร้างความร่วมมือกัน อีกทั้งกิจกรรมที่เกิดขึ้น ก็มีส่วนช่วยให้เรื่องแฟรนไชส์แพร่ขยายในวงที่กว้างขึ้น เช่น สมาคมแฟรนไชส์ไทย ที่มีการจัดงานโอกาสธุรกิจ 2011 ขึ้นมา และมีการอบรมให้ความรู้ในการสร้างระบบแฟรนไชส์ หรือสมาคมแฟรนไชส์และไลเซ่นส์ ที่มีการสร้างกลุ่มสัมพันธ์และขยายฐานสมาชิก เป็นต้น ทั้งหมดนี้ก็เป็นส่วนสำคัญในทางปฏิบัติที่ทำให้แฟรนไชส์ขยายวงออกไปที่ช่วยสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องไปจนถึงในอนาคต 
     
  4. การเติบโตทางเศรษฐกิจ แม้ว่ามีปัญหาภายในประเทศไทยเกิดปัญหาหลายด้านก็จริง แต่จากการวิเคราะห์ข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจหลายๆ แห่ง ไม่ว่าจะเป็นธนาคารทหารไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ รวมทั้งธนาคารแห่งประเทศไทยต่างเห็นพ้องต้องกันว่า เศรษฐกิจของปีหน้าจะเติบโตอยู่ในช่วง 3.5-4.5% อันมีตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญคือ การส่งออกเป็นพระเอก

    ถึงแม้ว่าการบริโภคหรือการซื้อสินค้าปัญหาน้ำท่วม และราคาน้ำมัน รวมถึงปัญหาทางการเมือง อาจจะเป็นตัวฉุดเศรษฐกิจก็ตาม แต่ผลของการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียนั้น มีผลทำให้ไทยได้รับอานิสงส์การเติบโตทางบวกไปด้วย โดยตัวเลขดังกล่าว แม้ว่าไม่สูงนักแต่ก็ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจมีโอกาสที่ดีในการขยายตัวได้ในปีหน้า 
     
  5. ความตื่นตัวเรื่องการสร้างมาตรฐานธุรกิจ การให้รางวัลมาตรฐานกับธุรกิจแฟรนไชส์ส่งผลให้ธุรกิจต่างๆ มีการพัฒนามากขึ้น แม้ว่าบทบาทของการให้รางวัดมาตรฐาน ไม่ได้ลงมือเรื่องพัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ก็ตาม แต่ก็สร้างความตื่นตัวได้พอสมควร อันมีผลให้ธุรกิจต่างๆ ตั้งใจเข้าสู่การพัฒนาที่ดีขึ้น ที่จะช่วยให้แฟรนไชส์ในไทยแข้มแข็งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสุดในการเติบโตของธุรกิจแฟรนไชส์
     

 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะแรงหนุนอย่างแรงทั้งในส่วนของภาครัฐ หรือธนาคาร หรือสมาคมใดๆ ก็ตาม ที่พร้อมจะส่งธุรกิจแฟรนไชส์มีแนวโน้มเกิดเป็นยุคทองของแฟรนไชส์ได้ก็จริง
 
แต่แฟรนไชส์จะโชติช่วงชัชวาลหรือไม่เพียงไร ย่อมขึ้นกับบริษัทแม่ที่เป็นผู้ขายแฟรนไชส์เท่านั้น ว่าจะมีความแข็งแกร่งทางธุรกิจมากน้อยแค่ไหน เพราะแรงหนุนเหล่านั้นจะเป็นเพียงสิ่งที่เอื้ออำนวยความสะดวก และเป็นแรงกระตุ้นเท่านั้น แต่จุดที่จะทำให้ แฟรนไชส์เกิดเป็นยุคทองได้แน่ๆ ก็คือความแข็งแรงของแต่ละแฟรนไชส์นั่นเอง
 
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สาขาใหม่มาแล้ว! บุราณ ..
963
รวมภาพบรรยากาศ คอร์ส F..
664
“เติมพลังความรู้” กับ ..
597
มาโนอิ ร่วมงานครบรอบ 1..
567
สมาร์ทเบรน จินตคณิต เป..
558
โทกิวอช ร้านสะดวกซัก เ..
522
ข่าว SMEsมาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด