คลัง คาดควัก 3 หมื่นลบ. ปล่อยกู้ SMEs โดนพิษน้ำท่วม

 

กระทรวงการคลัง คาดใช้งบ 3 หมื่นล้านบาท ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำผ่านสถาบันการเงินรัฐช่วยเอสเอ็มอีประสบภัยน้ำท่วม ระบุสรุปชัดเจนในสัปดาห์หน้า ด้าน ธปท. ห่วงหนี้เน่าพุ่งหลังน้ำลด
       
       นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ซึ่งรัฐบาลได้มีมาตรการช่วยเหลือ เบื้องต้นไปแล้ว แต่คาดว่าคงไม่เพียงพอ ดังนั้น หลังปริมาณน้ำลดลง จะเร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยเฉพาะธุรกิจรายย่อย หรือ เอสเอ็มอี และชาวบ้านที่หาบเร่ แผงลอยทั่วไป โดยใช้วงเงินจากธนาคารแห่งประเทศไทย จำนวน 30,000 ล้านบาท ในการปล่อยเงินกู้ ดอกเบี้ยต่ำพิเศษให้ผู้ประกอบการโดยตรง ผ่านทางสถาบันการเงินของภาครัฐ เช่น ธนาคารออมสิน และ เอสเอ็มอีแบงค์ คาดว่า จะสรุปหลักเกณฑ์ได้ ภายในสัปดาห์หน้า

       รัฐมนตรีช่วยกระทรวงการคลัง กล่าวต่อว่า ต้องเร่งประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนทราบเกี่ยวกับมาตราการทางภาษี ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมเพื่อให้ผู้บริจาคทั้งประชาชน หน่วยงานเอกชน นำไปลดหย่อนภาษีได้ รวมทั้งสินค้าที่นำไปบริจาค ก็ไม่ต้องหักภาษี มูลค่าเพิ่ม เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ทุกฝ่ายช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่
 

       
       ด้าน นางสาวนวพร มหารักขกะ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. กำลังเฝ้าติดตามคุณภาพสินเชื่อของกลุ่มธนาคารพาณิชย์จากปัญหาอุทกภัย ซึ่งส่งผลต่อความสามารถชำระหนี้ของธุรกิจลูกค้าธนาคารพาณิชย์ แต่เชื่อว่าหากน้ำลดเร็ว ไม่น่าจะมีผลกระทบเพราะพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังขยายตัวในระดับที่ดี ประกอบกับอุปสงค์ทั้งภายในและภายนอกประเทศยังเติบโตได้ในระดับที่สูง
      
       อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เข้าถึงแหล่งเงินทุน และคุณภาพหนี้ของเอสเอ็มอี ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรก โดยไตรมาส 3 ยอดการเติบโตของสินเชื่อเอสเอ็มอีในระบบธนาคารพาณิชย์ ซึ่งมีสัดส่วน 52.6% ของสินเชื่อรวม ขยายตัว 4.1% เทียบระยะเดียวกันปีก่อน (2552) ขณะที่มีสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ลดลงจากระดับ 6.8% มาอยู่ที่ 6.5%
 

ทางด้าน นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวขณะลงพื้นที่ ว่า กระทรวงพาณิชย์ ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลในการดูแลประชาชนที่ประสบภัยพิบัติในทุกพื้นที่ ไม่ให้ขาดแคลนเครื่องอุปโภค บริโภค ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการครองชีพ ตรวจสอบไม่ให้มีการกักตุน หรือขึ้นราคาสินค้า ในช่วงที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อน
      
       นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้แก่ประชาชนที่ประสบภัย ที่ขาดรายได้ ไม่มีอาชีพ ให้สามารถเริ่มต้นธุรกิจได้ภายในระยะเวลา 2-3 วัน โดยอนุมัติสินเชื่อ 1,600 ล้านบาท เพื่อประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ หรือ ขายตรง เพื่อเป็นรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัว ขณะนี้ประสานกับทุกจังหวัดเพื่อเปิดรับสมัคร สำหรับประชาชนที่สนใจสามารถโทร.ได้ที่สายด่วน 1570


อ้างอิงจาก ผู้จัดการออนไลน์