บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การตลาด บริหารธุรกิจ    ความรู้ทั่วไปทางการตลาด
268
2 นาที
27 สิงหาคม 2568
“Introvert marketing” วิธีเพิ่มยอดขายธุรกิจ “คนโลกส่วนตัวสูง”
 

คำว่า “Introvert” เพิ่งจะถูกนำมาใช้แพร่หลายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ แต่ความจริงลักษณะของคน Introvert มีมานานมาก โดยมีลักษณะสำคัญคือ
  • มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง มีความสุขกับการอยู่คนเดียว
  • มักใช้ความคิดก่อนพูด และเป็นคนที่พูดน้อย
  • ไม่ชอบคุยเรื่องไร้สาระ
  • หลีกเลี่ยงการเข้าสังคม
  • ไม่ชอบแสดงความคิดเห็นโดยเฉพาะท่ามกลางคนกลุ่มใหญ่
  • ถ้ามั่นใจในเรื่องใดแล้วจะมีความมั่นใจและเชื่อมั่นอย่างไม่เปลี่ยนแปลง

คาดการณ์ว่าปัจจุบันมีผู้ที่เข้าข่าย Introvert อยู่ประมาณ 25-40% ของประชากรทั้งโลก ถ้าเป็นในส่วนของประเทศไทยแม้จะไม่มีตัวเลขที่ชัดเจนแต่ก็คาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 20-30% ของประชากร ถ้าอ้างอิงตามช่วงอายุจากงานวิจัยผู้ชายในวัย 25-39 ปี เป็น Introvert ประมาณ 35% ซึ่งมากกว่ากลุ่มของผู้หญิงที่อยู่ในวัยเดียวกัน  หรือ Tinder เคยให้ข้อมูลว่า
 
คนส่วนใหญ่ในแอป ระบุว่าตัวเองเป็น “Introvert” มาก ถึง 33% รวมถึงใน TikTok มีคนใช้แฮชแท็กคำว่า “Introvert” มากกว่า 19 ล้านครั้ง
 
ถ้าดูจากตัวเลขนี้จะเห็นว่า Introvert เป็นตลาดที่ใหญ่พอตัวแต่การจะเจาะกลุ่มลูกค้าได้จำเป็นต้องเข้าใจพื้นฐาน ความต้องการและตัวตนของ Introvertอย่างชัดเจน ถ้าใครทำได้ก็เท่ากับว่ามีโอกาสเพิ่มยอดขายธุรกิจได้มากเพราะคุณสมบัติหนึ่งของกลุ่ม Introvert คือถ้าชอบหรือสนใจในเรื่องไหนหากมั่นใจก็จะเชื่อมั่นและเปลี่ยนแปลงได้ยาก หมายถึงว่าหากเป็นสินค้าที่คนกลุ่มนี้เลือกใช้ก็จะกลายเป็นลูกค้าประจำได้ยาวๆ 

 
หัวใจสำคัญของการตลาด Introvert marketing ต้องเข้าใจก่อนว่า Introvert ชอบใช้เวลาอยู่กับตัวเอง มากกว่าการทำกิจกรรม หรือมีปฏิสัมพันธ์กับคนจำนวนมาก แต่คนกลุ่มนี้ก็ไม่ได้เกลียดการเข้าสังคม เพียงแต่จะรู้สึกว่าตัวเองต้องใช้พลังงานเยอะในการปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น หรือหากเทียบให้เห็นภาพในเชิงธุรกิจ คนที่เป็น Introvert เวลาไปซื้อของในร้าน จะชอบเดินดูสินค้าคนเดียวเงียบ ๆ มากกว่าที่จะให้มีคนมาคอยเดินตามเพื่อแนะนำสินค้า เป็นต้น
 
วิธีที่ดีที่สุดคือใช้การตลาดแบบ Low Interaction Marketing เน้นการทำให้กลุ่มเป้าหมาย มีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับแบรนด์ได้ในช่องทางต่าง ๆ ที่ไม่ต้องใช้ความพยายามมากเกินไป เช่น
  • คอยส่งอีเมลแจ้งข่าวสารและโปรโมชันใหม่ ๆ ให้กับลูกค้าเป็นระยะ ๆ 
  • อัปเดตเรื่องราวต่าง ๆ บนสื่อโซเชียลของแบรนด์อย่างสม่ำเสมอ ไม่ต้องรอให้ลูกค้าถาม
  • เขียนบล็อกหรือบทความต่าง ๆ ให้คนกลุ่มนี้ สามารถศึกษาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น 
  • เพิ่มระบบอัตโนมัติต่าง ๆ เพื่อลดขั้นตอนที่ลูกค้าต้องคุยกับมนุษย์ให้ได้มากที่สุด 
  • เพิ่มตัวเลือก Self-Service โดยบอกขั้นตอนอย่างละเอียด อย่าให้ลูกค้าต้องถามซ้ำ

ตัวอย่างแบรนด์ที่ทำการตลาดเหมาะกับ Introvert ในช่วงที่ผ่านมาก็มีหลายแบรนด์ที่พออธิบายให้เห็นภาพได้เช่น
  • ร้านราเม็ง A Ramen (ร้านราเม็งข้อสอบ) ที่ออกแบบร้านให้สามารถนั่งทานคนเดียวได้ 
  • แอป QueQ ที่ลูกค้าจองคิวร้านอาหารที่คนเยอะได้ โดยไม่ต้องไปยืนรอต่อคิวหน้าร้าน
  • ร้านบุฟเฟต์บางแห่งที่จัดโซนสำหรับนั่งทานคนเดียว (แบบเคาน์เตอร์บาร์)
  • IKEA ให้ลูกค้าทำทุกอย่างด้วยตัวเองได้ โดยมีเว็บไซต์บอกข้อมูลของเฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งบ้านทุกชิ้นอย่างละเอียด พร้อมให้ลูกค้าสั่งซื้อและนำไปประกอบด้วยตัวเองที่บ้านได้
ในตลาดที่การแข่งขันสูง Introvert เป็นแค่ส่วนหนึ่งยังมีกลุ่มที่เป็น Extrovert และ Extrovert รวมอยู่ด้วย ซึ่งแต่ละกลุ่มก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน สำหรับคนทำธุรกิจแล้วควรเริ่มโฟกัสจากกลุ่มลูกค้าของตัวเองเป็นหลักว่าคือใคร จากนั้นค่อยมาแยกย่อยดูว่ามีความเป็น Introvert – Extrovert – Extrovert มากแค่ไหน จึงค่อยมากำหนดกลยุทธ์ด้านการตลาดให้มีความเหมาะสม และต้องไม่ลืมเรื่องคุณภาพสินค้าและบริการที่ดีร่วมด้วย

 ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
654
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
574
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
504
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
476
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
463
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
446
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด