บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
362
2 นาที
11 มิถุนายน 2568
“Girl Math” กลยุทธ์ดึงเงินลูกค้า ยอมจ่ายแบบเต็มใจ
 

Girl Math หรือแปลว่า คณิตศาสตร์แบบผู้หญิง ใช้พูดถึงวิธีการจับจ่ายใช้สอยที่มักจะมีข้ออ้างหรือเหตุผลแปลกๆมารองรับการใช้จ่ายของตัวเอง เป็นเทรนด์ฮิตใน TikTok โดยมีผู้เข้าชมใน #girlmath มากกว่า 55 ล้านครั้ง หากจะพูดให้เข้าใจง่ายอีกนิด Girl คือการซื้อสินค้าด้วยอารมณ์ความต้องการ” มากกว่าการใช้ “เหตุผล” สินค้าบางอย่างอาจไม่จำเป็นต้องซื้อ แต่ด้วยความอยากได้ก็มีเหตุผลมาเข้าข้างตัวเอง
 
ยกตัวอย่าง เช่น ซื้อของลดราคา = เหมือนได้ “กำไร” เพราะราคาจริงมันแพงกว่านี้
 
ใช้เงินสดหรือบัตรของขวัญ = ไม่ใช่เงินจริงนะ เหมือนได้ฟรี
 
ซื้อกาแฟวันละ 100 บาท = แค่ 3,000 บาทต่อเดือนเอง ถูกกว่าซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมตั้งเยอะ
 
หากใช้เงินไม่ถึง 150 บาท  ถือว่าฟรี
 
หากเอาของไปเปลี่ยนที่ร้าน แล้วเพิ่มเงินอีกนิดหน่อย เพื่อได้ของแพงกว่า หมายความว่าได้ของใหม่ในราคาถูกลง
 
 
ซึ่งตรรกะ เหล่านี้ ทำให้ Girl Math กลายเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง และมีหลาย ๆ แบรนด์มองเห็นโอกาสในการทำการตลาดจากเทรนด์นี้ ตัวอย่างเช่น
  • ร้านเครื่องสำอาง Ulta Beauty ที่ทำคอนเทนต์ว่า “เมื่อคุณใช้จ่าย 300 ดอลลาร์สหรัฐ ที่ Ulta Beauty แต่ใช้คะแนนสะสม Ultamate Rewards แลกส่วนลดทั้งหมด ก็ถือว่าได้ของมาฟรี” พร้อมติดแฮชแท็ก Girl Math 
  • Starbucks ซื้อครบจำนวนแก้วแล้วได้ฟรี 1 แก้ว หรือใช้พอยต์แลกกาแฟ ในมุมของ Girl Math แบบนี้คือ กินบ่อย = ใช้พอยต์แลก = กาแฟฟรี = กำไร!
  • Apple ที่พนักงานขายมักให้แนวคิดเกี่ยวกับ Girl Math เช่น Apple Watch ราคา 10,000 ใช้ทุกวัน 2 ปี = วันละ 13.7 บาท” ถูกกว่าชานมไข่มุก!
  • Lazada / Shopee มีฟีเจอร์ Coins, คูปองลด, Lucky Draw สำหรับแนวคิดแบบ Girl Math ใช้เหรียญลด = จ่ายน้อยลง = ไม่รู้สึกผิดเวลาจ่ายค่าสินค้า 
Girl Math จึงไม่ใช่แค่เทรนด์ตลกๆ แต่กลายเป็น กลยุทธ์การตลาดที่ชาญฉลาด ในการดึงอารมณ์-ความรู้สึกของผู้ซื้อให้รู้สึกว่า “คุ้ม คุ้ม และคุ้ม”
 
และยังมีวิธีที่แบรนด์นำเอา Girl Math ไปใช้ในการตลาดได้อีกหลากหลายเช่น
 

 
1.ใช้คอนเทนต์ตลก+ตรงใจ
 
รองเท้าคู่นี้ลด 50% เหลือ 990 จาก 1,980  เท่ากับซื้อรองเท้า 1 ข้างแค่ 495 บาท 
 
2.เขียนแคปชั่นให้ลูกค้าอยากใช้ Girl Math
 
ซื้อครบ 1,000 ได้ของแถม = ได้ของฟรี = คุ้มมาก
 
 
3. สร้างแคมเปญ UGC (User-Generated Content) ชวนลูกค้าโพสต์หรือรีวิวสินค้าพร้อมแฮชแท็ก #GirlMath เช่น “Girl Math ของฉันคือซื้อชุดนี้เพราะฉันจะใส่ 10 งาน = คุ้ม 
 
4. ร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์สายตลก/ไลฟ์สไตล์ให้ครีเอเตอร์ทำคลิปโชว์ “ตรรกะ Girl Math” กับสินค้า 

เช่น “ลิปสติกนี้ 599 แต่ใช้ได้ทุกวัน = ตกวันละไม่ถึง 20 บาท = เหมือนได้ฟรี 
 
 
5. ทำ Pop Culture Tie-in 

ถ้าสินค้าเกี่ยวข้องกับผู้หญิงก็สามารถจัดธีมแคมเปญ “Girl Math Day” ได้เลย เช่น “มาซื้อของกับเพื่อน = ใช้เงินแต่มีความสุข = ถือว่าคุ้ม”
 
แนวคิดแบบ Girl Math ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินได้ออกมาเตือนว่าให้ระวังถ้าใช้จ่ายแบบนี้อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ตามมาในภายหลัง ก็เป็นเหมือนดาบสองคมที่แบรนด์เองก็ต้องใช้วิธีนี้ด้วยความระมัดระวังเช่นกัน

อย่างไรก็ดีในแง่มุมดีๆ อีกด้านที่ผู้เชี่ยวชาญได้กล่าวคือ Girl Math ช่วยให้มนุษย์ได้วางอารมณ์ และความอยากได้เอาไว้ก่อน และมองการซื้อนั้น ๆ ในมุมความคุ้มค่า โดยเฉพาะการซื้อของชิ้นใหญ่ ที่เราอาจไม่สามารถซื้อได้บ่อย
 
 ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
610
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
508
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
430
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
413
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
408
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด