บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
461
2 นาที
24 มกราคม 2568
6 วิธีเปลี่ยน "คู่แข่ง" เป็น "เครือข่าย"

 
มีมิตรดีกว่าสร้างศัตรู คือสิ่งที่ใช้ได้จริงในการทำธุรกิจยุคใหม่! มันหมดเวลาที่จะมาห้ำหั่นชิงดีชิงเด่น ชนิดแตกหักกันไปข้าง สมัยนี้การมีพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจจะเอื้อประโยชน์ได้ดีกว่า เข้าตำรารวมกันเราอยู่ และยิ่งจะแข็งแกร่งได้มากขึ้นด้วย ซึ่งการเปลี่ยน “คู่แข่ง” ให้เป็น “พาร์ทเนอร์” ในทางการตลาดเรียกว่า Collaboration Marketing หรือการเปลี่ยนคู่แข่งเป็นคู่ค้า 
 
ถ้าจะให้อธิบายคำว่า “คู่แข่ง” จะแบ่งได้ 4 แบบ คือ
 
  • คู่แข่งโดยตรง (Direct Competitors)
  • คู่แข่งทางอ้อม (Indirect Competitors) 
  • คู่แข่งที่มาทดแทนกันได้ (Substitute Competitors) 
  • คู่แข่งที่มีศักยภาพ (Potential Competitors) 
แต่ก็คงดีกว่าถ้าธุรกิจเราสามารถร่วมมือกับธุรกิจที่มองว่าเป็นคู่แข่ง ซึ่งคำว่า Collaboration Marketing คือการร่วมมือกันระหว่างแบรนด์ เพื่อผลิตสินค้าหรือแคมเปญใหม่ ๆ เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจร่วมกัน ช่วยยกระดับให้กับธุรกิจ และขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ และยังคงรักษากลุ่มลูกค้าเดิมไว้ด้วย โดยนำจุดเด่นที่เป็นข้อได้เปรียบของแต่ละแบรนด์ มาอยู่บนผลิตภัณฑ์ หรือแคมเปญใหม่ที่ร่วมกันทำเป็นกลยุทธ์ที่นิยมใช้กันทั่วโลก เพราะเป็นการทำการตลาดที่ช่วยเปิดโอกาสทางธุรกิจได้ให้กับแบรนด์ 
 
 
แน่นอนว่าการร่วมมือกันแทนที่จะแข่งขันกัน ผลที่ได้คือประโยชน์ด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย รวมถึงผลประโยชน์ที่อยู่กับฐานลูกค้าของแต่ละธุรกิจด้วยเช่น
  • สร้างความน่าสนใจและให้ประสบการณ์ใหม่ๆ กับผู้บริโภค
  • ปลุกกระแสทางการตลาดให้เป็นไวรัล และได้รับการพูดถึงในวงกว้าง
  • แลกเปลี่ยนกลุ่มลูกค้าระหว่างแบรนด์ ขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ
  • ลดการแข่งขัน และเพิ่มพันธมิตรทางการค้า
  • ทำให้แบรนด์ดูทันสมัย และเข้าถึงกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่มากขึ้น
  • ใช้จุดแข็งของพาร์นเนอร์มาชดเชยจุดอ่อนของแบรนด์ตัวเอง

อย่างไรก็ดีสิ่งสำคัญในความร่วมมือระหว่างกัน จำเป็นต้องมีแนวทางที่สอดคล้องและมีวิธีการที่ควรนำมาใช้ดังนี้
  1. ธุรกิจจะร่วมมือกันต้องมีจุดร่วมระหว่างกัน เพราะหากไม่มีจุดร่วมเหมือนกันเลย คงยากที่จะทำงานด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพได้ 
  2. ดูชื่อเสียงของธุรกิจที่ต้องการร่วมมือ เพราะการเกี่ยวข้องกันในมุมคนทั่วไปจะมองว่าเป็นพวกเดียวกัน ดังนั้นเรื่องชื่อเสียงจึงเป็นสิ่งที่สำคัญกับภาพลักษณ์มาก
  3. ธุรกิจต้องมีศักยภาพเชื่อมโยงกันได้ เพราะเป็นการแก้ไขในจุดที่เราอาจบกพร่องหรือเป็นข้อด้อย โดยอาจใช้จุดแข็งของพันธมิตรมาเชื่อมโยงได้
  4. ยิ่งฐานลูกค้าแข็งแกร่งยิ่งดี การร่วมมือกันที่จะได้ผล พันธมิตรเราต้องมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง จะสร้างประโยชน์ให้กับเราได้อย่างมาก
  5. สร้าง Business Model ที่เหมาะสมร่วมกันได้ เพื่อให้เป็นกรอบในการร่วมมือกันที่เดินหน้าได้อย่างถูกต้องเป็นประโยชน์ด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย
  6. สร้างระบบบริหารจัดการร่วมกันแบบมืออาชีพ เข่น การกำหนดยอดขายร่วมกันอย่างยุติธรรม , มีทีมงานที่ช่วยบริหารคู่ค้าของเราโดยเฉพาะ เป็นต้น
ตัวอย่างของความสำเร็จในเรื่องของการร่วมมือกันทางธุรกิจตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันมีให้เห็นเยอะมาก 
 
ยกตัวอย่างที่น่าสนใจเช่น
 
- Bar B Q Plaza X Pizza Hut จัดแคมเปญและออกเมนูฟิวชั่นร่วมกัน โดยบาร์บีคิวพลาซ่าจะมีเมนูหมูที่เสิร์ฟแบบใหม่บนถาดพิซซ่า ส่วนร้านพิซซ่าฮัท ก็มีพิซซ่าหน้าหมูบาร์บิกอน เป็นการรวมจุดเด่นของทั้งสองแบรนด์เข้าด้วยกัน เกิดเป็นกระแสในโซเชียลมีเดียในช่วงนั้นได้

ภาพจาก www.facebook.com/BarBQPlazaThailand
 
- Starbucks x After You ทางแบรนด์ After You นำเมนูโทสต์ไปวางจำหน่ายในร้าน Starbucks สร้างความฮือฮาให้กับลูกค้า เพราะสามารถหาซื้อได้สะดวกขึ้น และสตาร์บัคส์เองก็ได้เพิ่มความหลากหลายของเมนูกลุ่มของหวานในร้านได้ด้วย
 
- Louis Vuitton X Supreme ซึ่งจุดเด่นของ Suprem คือแบรนด์สตรีทแฟชั่น การร่วมมือนี้ทำให้ Louis Vuitton กลายเป็นแบรนด์ที่ทันสมัยและเข้าถึงง่ายในมุมมองของคนรุ่นใหม่ ส่วน Supreme ก็ได้ประโยชน์จากภาพลักษณ์ของ
แบรนด์หรูหรา จาก Louis Vuitton เช่นกัน
 
อย่างไรก็ดีต้องไม่ลืมว่าการร่วมมือกันหรือ Collaboration Marketing นั้นไม่ใช่แค่เราจะเลือกเขา แต่เขาก็เลือกเราได้เช่นกัน เพราะต่างฝ่ายต่างก็ต้องการคู่ค้าที่ใช่ด้วยกันทั้งนั้น และถ้าอยากทำให้คู่ค้ามั่นใจและเชื่อมั่นที่จะเป็นพาร์ตเนอร์จับมือเดินไปด้วยกัน จำเป็นที่ธุรกิจเราก็ต้องมีจุดเด่น มีความน่าสนใจ และมีความจริงใจมากพอที่ทำให้แบรนด์อื่นอยากเป็นพันธมิตรได้

ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
 
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
574
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
473
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
456
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
400
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
395
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
378
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด