บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การตลาด บริหารธุรกิจ    ความรู้ทั่วไปทางการตลาด
682
2 นาที
5 มิถุนายน 2567
ทำร้านให้รวย แกะสูตรบอม Bill of Material ให้ไว!
 

ต้นทุนคือตัวแปรสำคัญในการทำธุรกิจ โดยเฉพาะบรรดาแฟรนไชส์อาหารควรมีสัดส่วนต้นทุนวัตถุดิบประมาณ 35 – 40% ยิ่งตอนนี้ราคาวัตถุดิบพุ่งสูงทั้งเนื้อสัตว์ , ไข่ , ผักสด ฯลฯ หากร้านไหนควบคุมต้นทุนวัตถุดิบไม่ดีมีโอกาสทุนหายกำไรหด บางร้านขายดีแต่ทำไมถึงเจ๊ง เหตุผลส่วนหนึ่งก็เพราะการบริหารจัดการในเรื่องนี้ไม่มีประสิทธิภาพ
 
คำถามคือจะให้บริหารจัดการยังไง มีวิธีไหนที่ช่วยควบคุมได้บ้าง?
 

เทคนิคที่แฟรนไชส์อาหาร - เครื่องดื่มควรรู้คือ “BOM” (Bill of Material) ซึ่งสูตร BOM ที่ว่านี้ในอุตสาหกรรมการผลิต เขารู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะมันคือรายการวัสดุ, สูตรการผลิต หรือ โครงสร้างสินค้า (Product Structure) ที่ใช้แสดงข้อมูล ส่วนประกอบ, จำนวนวัสดุที่ใช้ ลำดับการผลิตคร่าวๆ ครอบคลุมจนปริมาณที่ใช้ผลิต และระยะเวลาการผลิต ที่ใช้ในกระบวนการผลิตสินค้า 1 รายการ
 
แต่เมื่อเอามาใช้ในธุรกิจร้านอาหาร – เครื่องดื่มจะหมายถึงการบันทึกสูตรอาหาร-เครื่องดื่มแต่ละเมนู รายการวัตถุดิบที่ใช้แต่ละเมนู ว่าใช้อะไรเท่าไหร่ กี่กรัม กี่ช้อน กี่ชิ้น กี่ตัว กี่ฟอง ฯลฯ แล้วกำหนดบันทึกลงในเครื่อง POS ซึ่งจะมีประโยชน์เช่น
  • สามารถตรวจสอบการใช้วัตถุดิบได้แม่นยำขึ้น
  • ตรวจสอบข้อมูลการใช้งานวัตถุดิบได้ง่ายขึ้น
  • ทำให้รู้ต้นเหตุของปัญหา นำไปสู่การหาสาเหตุและวิธีแก้ไขได้อย่างถูกต้อง
  • ควบคุมเรื่องต้นทุนได้อย่างเป็นระบบช่วยเจ้าของกิจการทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น
  • ควบคุมในเรื่องรสชาติและมาตรฐานสินค้าให้เหมือนกันได้
ถ้ายังมองไม่เห็นภาพว่า BOM” (Bill of Material) จะช่วยให้ควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างไร 
 
ยกตัวอย่างของร้านอาหารตามสั่ง ถ้าลูกค้าสั่งข้าวผัดกระเพรา 1 จาน โดยปกติทั่วไปถ้าไม่มีสูตร BOM อยากใส่วัตถุดิบอะไรเท่าไหร่ก็ตามใจ นอกจากควบคุมต้นทุนวัตถุดิบไม่ได้ รสชาติบางทีก็ไม่เหมือนกันอีกต่างหาก แต่ถ้ามีสูตร BOM เข้ามาร่วมด้วยจะทำให้รู้ทันทีว่า ข้าว กระเพรา1 จาน จะต้องใช้ข้าวเท่าไหร่ , หมูเท่าไหร่ , ซอสปรุงเท่าไหร่ ,กระเพราเท่าไหร่ ,พริก กระเทียมเท่าไหร่ และเครื่อง POS ก็จะตัดรายการวัตถุดิบในสต็อกให้โดยอัตโนมัติ 
 
เป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการมากๆ เพราะการมีสูตร BOM จะช่วยให้หาค่าความแตกต่างการใช้วัตถุดิบระหว่างขายจริง กับใช้จริงเพราะ แต่ละเมนูการใช้วัตถุดิบกับการขายออกไปจะสัมพันธ์กันถ้าตัดไปตัดมาแล้วรายการของในสต็อกไม่สัมพันธ์กับการขายออกก็จะทำให้เรารู้ว่ากำลังมีปัญหา
 
เช่น หมู 1 กิโลกรัม ทำผัดกระเพราะได้ 20 ออเดอร์ ถ้าเราขายผัดกระเพราะออกไป 20 ออเดอร์หมูในสต็อกก็จะต้องหมดไป 1 กิโลกรัม แต่ถ้าวันนั้นขายออกไป 20 ออเดอร์นับสต็อกเสร็จหมูหายไป 2 กิโล
 
 
หรือขายไป 30 ออเดอร์แต่นับสต็อกหมูใช้ไปแค่กิโลเดียวแสดงว่ามีปัญหาผิดพลาดทำให้เราได้รู้และหาสาเหตุและหาวิธีแก้ไขเช่น อาจเกิดจากไม่ทำตามสูตร ใช้มากไป น้อยไปหรือ ตอนรับวัตถุดิบเข้าไม่ได้ตรวจสอบจำนวน หรือ เกิดการทุจริต เป็นต้นซึ่งก็จะมีผลต่อการจัดการต้นทุนโดยตรง
 
ส่วนใหญ่สูตร BOM นี้จะใช้ในร้านอาหารขนาดใหญ่ แต่ถ้าเป็นร้านขนาดกลาง – เล็ก มักมองข้ามอาจเพราะวิธีการค่อนข้างยุ่งยากเพราะต้องคีย์ข้อมูลวัตถุดิบลงในระบบ POS เริ่มตั้งแต่รับวัตถุดิบอะไรเข้ามาบ้าง แล้วต้องมาแยกเป็นหน่วยย่อย เช่น น้ำปลา 1 ลัง แยกเป็นกี่ขวด จากน้ำปลาแต่ละขวดแยกเป็นกี่กรัม และใช้ในแต่ละเมนูเท่าไหร่ ซึ่งในความเป็นจริง สูตร BOM มักนำไปใช้กับต้นทุนวัตถุดิบสำคัญๆ พวกน้ำปลา น้ำตาล เกลือ พวกนี้ไม่ค่อยใส่ลงในสูตรเท่าไหร่นัก เพราะละเอียดและยิบย่อยเกินไป 
 
แม้สูตร BOM อาจดูยุ่งยากแต่ถ้าช่วยให้ธุรกิจเป็นระบบและมีคุณภาพก็นับว่าคุ้มค่าที่จะทำ สิ่งเล็กๆที่หลายคนมองข้ามอาจเป็นปัญหาแบบน้ำซึมบ่อทรายที่หากไม่รับการแก้ไข จากรูเล็กจะกลายเป็นรูใหญ่ มีผลต่อยอดขาย มีผลต่อกำไรได้เช่นกัน
 
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
 
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
574
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
474
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
457
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
400
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
395
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
378
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด