บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
4.3K
3 นาที
27 มกราคม 2564
10 เรื่องจริงที่คุณไม่รู้! Little C ฟีเว่อร์
 

เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่น่าเชื่อว่าในสถานการณ์ COVID 19 ระบาดระลอกใหม่ จะยังมีสินค้าที่สร้างกระแสฟีเว่อร์ขึ้นมาได้ คราวนี้เป็นคิวของ Little C เบเกอรี่ที่เชื่อว่าหลายคนรู้จักและอาจจะเคยซื้อกิน และก็มีอีกหลายคนที่เราเชื่อเหมือนกันว่าไม่รู้จักแบรนด์นี้ แต่คราวนี้ Little C เป็นที่ฮือฮาเมื่อทำให้คนจำนวนมากต้องมาต่อคิวซื้อสินค้า 
 
www.ThaiFranchiseCenter.com มองเห็นว่าในความฟีเว่อร์นี้มีอีกหลายเรื่องที่น่าสนใจจึงได้รวบรวมมาเป็น 10 เรื่องจริงที่คุณไม่รู้! Little C ฟีเว่อร์ มีอะไรบ้างตามไปดูกันเลย
 
1.กระแส “Little C” ฟีเว่อร์
 
ภาพจาก https://citly.me/vw9fz

เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา สื่อท้องถิ่นอย่างเพจ “แนะนำที่กินที่เที่ยวใน จ.อุบลฯ” ได้เผยแพร่ภาพผู้คนจำนวนมาก บริเวณลานพื้นที่ว่างหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซา อุบลราชธานี เพื่อมารอต่อคิวซื้อขนมปัง Little C ซึ่งได้มีการรายงานว่ามีคนมารอต่อคิวซื้อเป็นรายแรกตั้งแต่เวลาเที่ยงคืน โดยทางแบรนด์ได้ให้สิทธิ์ซื้อเพียงแค่ 400 คิวเท่านั้น (1 คิว ซื้อได้ไม่เกิน 20 ชุด) ซึ่งก็หมดไปในระยะเวลาอันรวดเร็วแค่ 8 โมงเช้าคิวก็เต็มแล้ว
 
2.สร้างรายได้ให้ “อาชีพต่อคิว” 
 
โดยนอกจากจะเป็นการต่อคิวเพื่อมาซื้อเอง ยังทำให้เกิดอาชีพเสริมอย่างการรับจ้างต่อคิวหรือรับจ้างหิ้วขึ้นมาด้วย ว่ากันว่ามีการบวกราคาเพิ่มขึ้นไปเพื่อเป็นค่าจ้างตั้งแต่ 30 – 70 บาทต่อชุดกันเลยทีเดียว จากปกติจะขายอยู่ที่ชิ้นละ 25 บาท ซื้อ 4 แถม 1 หรือเรียกง่ายๆ ว่า 5 ชิ้น 100 บาทคิดเป็น 1 ชุด แต่ผู้ซื้อต้องจ่ายรวมค่าหิ้วเป็นชุดละ 130-170 บาท ทำให้คนรับจ้างหิ้ว 1 คน มีรายได้วันละ 1,400 บาท จึงมานอนรอคิวตั้งแต่เช้ามืด เพื่อให้ทันสิทธิ์ที่มีอยู่วันละเพียง 400 สิทธิ์
 
3.รับจ้างหิ้วไปส่งถึง “ประเทศลาว”

ไม่ใช่แค่อาชีพต่อคิว และรับจ้างหิ้วที่จะสร้างรายได้ในแถบอีสาน แต่กระแสฟีเว่อร์ของ Little C ยังมีการรับหิ้วขนมส่งข้ามไปให้คนในประเทศลาวที่เมืองปากเซ แขวงจำปาสัก โดยนัดส่งมอบกันที่ด่านพรมแดนช่องเม็ก อ.สิรินธร คาดว่าตลอด 20 วันที่ขนมแบรนด์ดังมาเปิดจำหน่ายจนถึงวันที่ 8 ก.พ.64 จะสร้างรายได้ให้กับอาชีพรับจ้างหิ้วเป็นเงินจำนวนมาก รวมทั้งมีการประเมินว่า การเปิดจำหน่ายขนมเจ้านี้ที่จังหวัดอุบลราชธานี ทำยอดขายพุ่งเป็นอันดับ 1 มากกว่าไปเปิดบูธขายในภูมิภาคอื่นที่เคยไปขายมาแล้วด้วย
 
4. Little C สินค้าที่น่าจะเป็นของคนไทย 


ภาพจาก www.facebook.com/LittleCBangkok
 
ที่เราใช้คำว่า “น่าจะเป็น” เพราะจากข้อมูลพบว่าชื่อเรียกของขนมปังอย่างเป็นทางการคือ “Hokkaido Milk Cream Bun” หรือ ขนมปังครีมนมสดฮอกไกโด แต่ในการสืบค้นข้อมูลพบว่าแทบไม่มีใครเอ่ยถึงเจ้าของหรือผู้ผลิตของแบรนด์เลย รู้เพียงแต่ว่ามีการใช้ชื่อต่อท้ายว่า by Cakewalk ซึ่ง Cakewalk ในที่นี้ ก็คือ “บริษัท เค้กวอล์คฟู้ด จำกัด” โรงงานผลิตเบเกอรี่ค้าปลีกและค้าส่งเพื่อผู้ประกอบการ

ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2548 และมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักดีในการผลิตเค้ก 3 มิติ โดยคำว่า Cake Walk ก็เหมือนเป็นการล้อคำมาจากคำว่า Catwalk โดยมีตัวร้านเปรียบเสมือนรันเวย์ให้บรรดาเค้กต่างๆ ได้ออกมาอวดโฉมสวยงาม จากข้อมูลดังที่กล่าวมานี้ จึงอาจสรุปได้ว่า Little C คือ แบรนด์ขนมปังของคนไทย โดยตัว C ที่ว่าอาจมาจากตัวย่อของแบรนด์ดั้งเดิมอย่าง Cake walk ก็ได้ เพราะใช้สัญลักษณ์เป็นตัว C เช่นกัน
 
5. Little C เริ่มวางขายครั้งแรก?

ในเพจ Little C Bangkok พบว่าได้มีการลงรูปและเริ่มโปรโมตแบรนด์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2561 ซึ่งก็สอดคล้องกับข้อมูลในเว็บไซต์ wongnai ที่เริ่มมีการเข้าไปรีวิวตั้งแต่ปี 2561 เช่นกัน โดยสินค้าแรกๆ ที่แบรนด์ได้นำออกวางจำหน่ายนั้นมีอยู่หลายชนิดด้วยกัน โดยเริ่มต้นมาจากครัวซองต์และเบเกอรี่ชนิดอื่นๆ ด้วย แต่ต่อมาภายหลังกลับได้รับความนิยมมากขึ้น จนเกิดปรากฏการณ์คนรอต่อคิวซื้อยาว ก็เพราะขนมปังครีมนมสดนั่นเอง
 
6.รสชาติของ Little อร่อยแบบไม่มีสารกันบูด


ภาพจาก www.facebook.com/LittleCBangkok
 
เริ่มจากเนื้อขนมปังนุ่ม ไส้เยอะ ครีมนมฮอกไกโดก็หวานมันกำลังดี ที่สำคัญทำสดใหม่ และไม่ใส่สารกันบูด เมื่อคุณภาพคับกล่องขนาดนี้บวกกับราคาย่อมเยาที่ขายเพียงชิ้นละ 25 บาท และโปรโมชั่นแบบ 4 แถม 1 ที่ขายมายาวนาน จึงไม่แปลกที่ขนมปัง Little C จะได้รับความนิยมมากขนาดนี้
 
7.ดังมากแต่มีสาขาเดียว ใช้กลยุทธ์กระจายจุดขาย


ภาพจาก www.facebook.com/LittleCBangkok

จุดเด่นอีกอย่างของแบรนด์ Little C ก็คือ กลยุทธ์การทำตลาด ที่แม้ว่าจะดังมากแต่จริงๆ แล้วมีสาขาหลักแค่เพียงแห่งเดียวเท่านั้น คือ เซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9 ที่เหลือนอกเหนือจากนี้ที่เห็นคนต่อคิวซื้อกันเยอะๆ นั้นมาจากการออกบูธกระจายไปตามพื้นที่ต่างๆ ซึ่งนับเป็นวิธีการทำธุรกิจและสร้างแบรนด์ที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะได้กระจายสินค้าออกไปให้เป็นที่รู้จักออกไปในวงกว้าง ไม่ต้องยึดติดกับพื้นที่เดิมๆ ทำให้ได้พบเจอลูกค้าใหม่ๆ เป็นการสร้างโอกาสให้กับธุรกิจแล้ว การที่ Little C เปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆ ใช้ลักษณะการขายแบบเฉพาะกิจ กลับทำให้ลูกค้าไม่เกิดความเบื่อหน่ายอีกด้วย
 
8.ผลพลอยได้ของสินค้าอื่นจากกระแสฟีเว่อร์ Little C
 
นอกจากบรรดาคนรับจ้างต่อคิวที่มีโอกาสสร้างรายได้ยังมีบางธุรกิจที่เกาะกระแสได้ทันและนำไปใช้ประโยชน์ให้เกิดขึ้นกับธุรกิจของตัวเองได้ด้วย ตัวอย่างเช่น ร้าน Diva ชาบู & ปิ้งย่าง ที่พอเห็นกระแสฟีเวอร์ดังกล่าว ก็จับมาทำโปรโมชั่นกับลูกค้าของตัวเองในวันนั้นเลย ด้วยการแจกขนมปังครีมนมฮอกไกโด 1 ชิ้นต่อ 1 ท่านฟรี! สำหรับลูกค้าที่สั่งบุฟเฟ่ต์ชุดทะเลหรือชุดเนื้อโคขุน แถมหากใครอยากฝากซื้อ ทางร้านก็ยังมีบริการรับหิ้วให้ได้ด้วย
 
9.งดดราม่า!ป้องกันเข้มงวด “COVID 19”

งานนี้งดดราม่านะจ๊ะ สำหรับใครที่กำลังมองว่าช่วงนี้มีการแพร่ระบาดของ COVID 19 ทำไมยังมีกิจกรรมประเภทนี้เกิดขึ้นอีก โดยผู้จัดการทั่วไปศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา อุบลราชธานี กล่าวถึงปรากฏการณ์ที่มีคนมารวมตัวกันจำนวนมาก เพื่อรอคิวซื้อขนมว่า ทางห้างร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัด สาธารณสุขเทศบาลเมืองแจระแม อำเภอเมืองอุบลราชธานี ได้มากำหนดมาตรการเว้นระยะห่าง แจกเจลแอลกอฮอล์ระหว่างมารอคิว และแจกซ้ำอีกครั้งเมื่อจะเข้าไปในห้าง

รวมทั้งมีการตรวจวัดอุณหภูมิของร่างกาย การสแกนไทยชนะ เมื่อเข้าไปก็ยังมีการกำหนดมาตรการทิ้งระยะห่างตามมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 เข้มงวดมากยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งการจัดคิวแบ่งเป็น 5 ช่วงเวลา ช่วงเวลาละ 80 คิว เพื่อลดการรวมตัวของลูกค้า อีกทั้งจะทำให้ผู้ที่ได้รับคิวรอบบ่ายไม่ต้องรอ สามารถไปเดินช็อปปิ้ง หรือไปทำธุระอย่างอื่นแล้วค่อยกลับมารับขนมเมื่อถึงเวลา ทำให้ลดปริมาณคนที่เคยแออัดในช่วงแรกไปได้
 
10.สินค้าเด่นอย่างเดียว “ก็ปังได้”
 

ภาพจาก www.facebook.com/LittleCBangkok

Little C นอกจากใช้กลยุทธ์เรื่องการกระจายสินค้าไปตามพื้นที่ต่างๆ ไม่ให้ลูกค้าจำเจ อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่น่าสนใจคือ One Best Product ขายอย่างเดียว ไม่ต้องเลือกเยอะหลายคนอาจคิดว่าการขายของ สินค้าต้องมีให้เลือกหลากหลาย ลูกค้าจะได้ไม่เบื่อ แต่สำหรับ Little C บอกเลยว่าทำตรงกันข้าม เพราะมีแค่สินค้าเดียว นั่นคือ ขนมปังไส้ครีมนมสดฮอกไกโด ที่โฆษณาว่า ทำสดใหม่ทุกวัน ไม่ใส่สารกันบูด ไม่มีไขมันทรานส์ ข้อดีของการมีสินค้าเดียวคือ ลูกค้าไม่ต้องเสียเวลาเลือกนาน ไม่ต้องตัดสินใจว่าจะกินอะไรดี ทำให้ประหยัดเวลาในการขาย และพนักงานก็จัดการง่ายไม่สับสนด้วย
 
ในสถานการณ์ที่ยากลำบากหลายคนบ่นว่าไม่รู้จะขายของยังไงให้มีคนซื้อ สิ่งสำคัญคือเราต้องหาจุดเด่นของสินค้าและสร้างเอกลักษณ์ให้คนสนใจในสินค้า จะช่วยดึงดูดลูกค้าให้แห่เข้ามาซื้อสินค้าได้ หากจะถามว่าวิธีไหนอย่างไร เรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ ไอเดียและการบริหารจัดการของแต่ละธุรกิจ หากยังยึดติด คิดอยู่แบบเดิมๆ ไม่คิดจะลงทุนแต่หวังผลจะสร้างยอดขายก็เป็นได้แค่การตลาดเก่าๆ ที่หมดยุคสมัยไปแล้ว
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document/index.php
 
รับฟังบทความต่างๆ ผ่านทาง PodCast ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ https://soundcloud.com/thaifranchisecenter
 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ปี 2026 ธุรกิจไทยต้องคิดให้ลึกกว่า “กำไร” หัวใจอ..
562
10 Digital Marketing Agency ตัวช่วยเพิ่มยอดขาย ส..
470
กับดักเกษียณ คนไทยบางคน! จนก่อนแก่ แย่ก่อนตาย
415
ปี 2025 ธุรกิจยิ่งทำยิ่งจม! Preemptive Adaptatio..
373
กลยุทธ์ตั้งราคา CJ คุ้ม แพ็คใหญ่ ราคาส่ง ครองใจล..
370
เพิ่มวิวไลฟ์สด ให้ยอดขายพุ่ง! ดันแฟรนไชส์ของคุณใ..
361
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด