บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การตลาด บริหารธุรกิจ    การตลาดออนไลน์ SEO
4.0K
3 นาที
9 ธันวาคม 2562
เทคนิคขายของออนไลน์ ให้ได้ 4 หมื่นต่อเดือน
 

ตลาดออนไลน์มีการขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ และดูเหมือนว่าจะโตและรุกเข้าไปในทุกแวดวงธุรกิจ การลงทุนยุคใหม่หากไม่มีตลาดออนไลน์ร่วมด้วยส่วนใหญ่จะเจ๊งไม่เป็นท่า เมื่อการตลาดออนไลน์เติบโตมากขึ้น ก็ก่อให้เกิดคู่แข่งจำนวนมากเช่นกัน พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ยุคใหม่จึงต้องสรรหาเทคนิควิธีการขายเพื่อสร้างรายได้สูงสุด
 
www.ThaiFranchiseCenter.com จัดมา10เทคนิคเพิ่มยอดขายออนไลน์ให้พ่อค้าแม่ค้าได้มีกำไรต่อเดือนเกินกว่าหลักหมื่นดีไม่ดีอาจมีรายได้ถึงเดือนละเป็นแสนเลยก็ได้
 
1.เตรียมเงินทุนสำหรับค่าใช้จ่ายในการทำตลาด
 
ภาพจาก pixabay.com/

นอกจากค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าแล้ว ถ้าเราอยากประสบความสำเร็จแบบยอดขายดีเราก็ควรจะต้องเตรียมงบเอาไว้สำหรับการทำตลาดโดยค่าใช้จ่ายที่จะมีในการขายของออนไลน์ จะมี ค่าบริการใช้เว็บสำเร็จรูป ประมาณปีละ 1,000 บาท ค่าโดเมนเนม 250 บาทซึ่งเราควรแบ่งค่าใช้จ่ายในการทำการตลาดออกมาให้ชัดเจนเป็นเดือนๆด้วย ในการที่เมื่อเรามีแฟนเพจ หรือ มีเว็บไซต์แล้ว เราต้องทำการโปรโมท ไม่ว่าจะผ่านทาง Facebook หรือ Google เพื่อเป็นการดึงให้ลูกค้าเข้าร้านเราให้ได้
 
2.รู้จักแหล่งหาสินค้าจำหน่าย
 
ภาพจาก world.taobao.com/

ฮิตที่สุดก็คงจะเป็นสินค้าจากจีนซึ่งก็มีเว็บไซต์ให้เลือกมากมายเช่น TAOBAO , TMALL , 1688 เพื่อเข้าไปหาดูสินค้าที่เราสนใจจะนำมาขายได้ โดยเว็บไซต์เหล่านี้จะเป็นภาษาจีนแต่เราสามารถใช้ Google Translate เพื่อแปลภาษาได้ หรือถ้าเราต้องการดูเว็บไซต์ที่เป็นภาษาอังกฤษ ก็เข้าไปหาซื้อสินค้าได้ที่ Alibaba แต่ถ้าง่ายกว่านั้น แอดมินแนะนำให้เราลองสมัครเป็นตัวแทนจำหน่ายของร้านค้าที่มีสินค้า ที่เราเห็นแล้วว่าน่าเชื่อถือ และ สินค้านั้นเรามองเห็นแววแล้วว่า น่าจะขายได้ ซึ่งการสมัครเป็นตัวแทนจำหน่ายก็ไม่ยากเย็นอะไร เดี๋ยวนี้เขามีเว็บไซต์ที่รวบรวมแหล่งร้านค้า รับสมัครตัวแทนอิสระไว้จำนวนมาก เราสามารถหาได้ทั้งแบบสต็อกสินค้า หรือไม่สต็อกสินค้า เลือกได้ตามความเหมาะสม
 
3.ต้องสร้างเพจเฟสบุ๊ค
 
ภาพจาก bit.ly/2RF9jYR

เมื่อมีสินค้าขายก็ต้องหาวิธีทำให้ลูกค้ารู้จักเรา เราและลูกค้าเจอกันได้ซึ่งก็ต้องมีหน้าร้าน และที่ง่ายที่สุดคือ “การสร้างเพจ”  ซึ่งควรใช้คำค้นที่หาเจอได้ง่าย จึงควรมีคีย์เวิร์ดของสินค้าอยู่ในชื่อเพจด้วยและอย่าลืมใส่แบรนด์ของเราลงไป เช่นถ้าเราขายเสื้อผ้าจากเกาหลี และชื่อแบรนด์ของเราเป็น XXX ชื่อเพจของเราก็ควรเป็น “เสื้อผ้าแฟชั่นเกาหลี By XXX” 
เป็นต้น
 
4.ต้องมี Line@
 
ภาพจาก bit.ly/38mRqE0

Line@ เป็นสิ่งที่ร้านค้าต้องมี ข้อดีของ Line@ คือ สามารถบรอดแคสท์ข้อความของเราไปถึงผู้ติดตามได้ทุกคน ซึ่งหากใน Line@ ของเรายังมีคนอยู่ไม่มาก เราก็อาจเลือกใช้งานฟรี ซึ่งบรอดแคสต์ได้ถึง 1,000 ข้อความต่อเดือน หรือ ซื้อแพคเกจ Starter ถ้าเรามีผู้ติดตามไม่ถึง 200 คน ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายอยู่ประมาณ 200 บาทต่อเดือนเท่านั้น และเรายังสามารถตั้งชื่อ Line@ ตามชื่อร้านได้อย่างที่เราต้องการด้วย
 
5.ต้องมีเว็บไซต์
 
ภาพจาก www.lnwshop.com/shop

ปัจจุบันการสร้างเว็บไซต์ไม่ใช่เรื่องยากในตลาด มีเว็บไซต์สำเร็จรูปให้เราเลือกใช้มากมายมีหลายเว็บที่เราเข้าไปใช้งานได้และมีแพคเกจแบบไม่เสียเงินด้วยเช่น www.lnwshop.com/shop หรือ www.sabuyjaishop.com  ที่มีหน้าตาเว็บไซต์สวยงาม ระบบใช้งานง่าย ซึ่งค่าใช้จ่ายของการจดโดเมนเว็บไซต์ประมาณปีละ 1,000 บาท ซึ่งส่วนใหญ่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์หลายคนเลือกจะไม่สร้างเว็บไซต์เพราะเชื่อว่าแค่เพจเฟสบุ๊คก็พอแล้วแต่การมีเว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือมากกว่าทำให้ภาพลักษณ์สินค้าดูดีขึ้น
 
6.สร้างTraffic
 
ภาพจาก bit.ly/2sd6HX7

หลังจากที่เรามีเว็บไซต์แล้ว ถ้าเราไม่ทำอะไรต่อเลย มันจะกลายเป็นเว็บไซต์ร้างคือ เว็บไซต์ที่ไม่มีคนเข้านั่นเอง มันก็คล้ายๆกับเราไปเปิดร้านขายของในซอยเปลี่ยว ถ้าเราไม่ตัดถนน ติดป้ายบอกคนก็ไม่มีทางขายของได้แน่ ฉะนั้นเราต้องสร้าง Traffic ให้กับเว็บไซต์ ซึ่งทำได้ 2 วิธีคือ การทำ SEO และ โฆษณา AdWords ซึ่ง 2 วิธีนี้ลูกค้าจะเข้าเว็บไซต์เรามาจาก Google Search Engine

ข้อดีของSEO คือ ฟรี และหากเราสามารถส่งมอบคุณค่าให้แก่ผู้ค้นหาในคีย์เวิร์ดได้ Google ก็จะตอบแทนเราโดยการ rank เว็บไซต์เราให้อยู่ในอันดับต้นๆ ซึ่งนั่นก็หมายถึง Traffic มหาศาลที่ไม่ต้องเสียเงิน และนั่นก็อาจหมายถึงยอดขายของเราด้วย แต่ข้อเสียของการทำ SEO คือ มันไม่ง่าย และกินเวลานานมาก แต่ถ้าเว็บไซต์เราติดอันดับแล้ว เราก็กินกับมันไปได้ยาวๆเลย  
 
7.ยิงแอด Facebook
 
ภาพจาก bit.ly/2E0gPoV

การยิงแอดเป็นการทำให้คนรู้จักร้านเรา สินค้าเรา หรือแม้แต่เป็นการทำให้คนที่เคยเยี่ยมชมเว็บไซต์ หรือ เพจของเรา กลับมาซื้อสินค้าเราได้เพราะตามลักษณะการซื้อสินค้าของคนทั่วไป ถึงแม้ว่าจะเป็นสินค้าที่อยากได้ คนส่วนใหญ่จะไม่สั่งซื้อเลยในครั้งแรกที่เห็น การทำการ Remarketing คนที่เคยเยี่ยมชมจึงเป็นกุญแจขั้นพื้นฐานของการทำยอดจากการทำการตลาดออนไลน์เลยก็ว่าได้ ซึ่งการ Remarketing ที่ทรงพลังมากที่สุดในยุคนี้ ก็คือ การโฆษณาผ่าน Facebook รวมถึงอาจต้องมีการทำ Facebook Live เพื่อขายของไปด้วย โดยเฉพาะกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าที่ขายเสื้อผ้าออนไลน์ ข้อดีของการทำ Live ขายของ คือ การได้ให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วม กระตุ้นการเกิดอารมณ์ร่วมและความอยากได้มากขึ้น ร้านค้าปิดการขายง่าย ประหยัดเวลา เพราะไม่ต้องไล่ตามตอบแชททีละคนด้วย
 
8.วางขายสินค้าใน Marketplace
 
ภาพจาก bit.ly/2E3qkDG

Marketplace ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ช่วยให้เราขายสินค้าได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Lazada Shopee 11-Street หรือถ้าเป็นเสื้อผ้าแฟชั่นก็ Looksi เราสามารถสมัครเป็นผู้ขาย และลงขายสินค้าได้ง่ายๆ แต่ข้อควรตระหนักอย่างหนึ่งก็คือว่า Marketplace เหล่านี้ จะการันตีการคืนสินค้าให้ลูกค้า เพราะฉะนั้น เราก็ต้องมีการจัดการสต๊อก จัดการสินค้าที่ดี ให้มีคุณภาพลูกค้าจะได้ไม่ตีกลับมาให้เสียเวลาเราด้วย
 
9.ใช้ประโยชน์จาก “รีวิว”
 
ภาพจาก bit.ly/2DXcjri

ธุรกิจระดับโลกอย่าง Airbnb หรือ Marketplace ใหญ่ๆอย่าง Amazon Lazada Shopee ต่างตระหนักถึงเรื่องนี้ดี การเปิดระบบที่ให้ลูกค้า หรือ ผู้ใช้งานจริง มารีวิว หลังจากที่ได้ใช้งานไปแล้ว ทำให้ธุรกิจระดับโลกเหล่านี้ติดปีกขยายใหญ่โตได้อย่างมหาศาล โดยหลังจากที่มีคนซื้อสินค้าเราแล้ว เราควรติดต่อกลับไปสอบถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าเค้ารีวิวให้เราดี เราก็ควรขออนุญาต แคปเจอร์หน้าจอเค้าเก็บไว้เพื่อเป็น Reference ให้เราต่อ และค่อยๆสะสมรีวิวไปเรื่อยๆ ซึ่งจะทำให้คนซื้อในภายหลังเห็นคุณภาพในสินค้าจากรีวิวเหล่านี้มากขึ้น
 
10.พูดแล้วต้องทำได้ “คีย์เวิร์ด”ของการขายที่ดี

ภาพจาก pixabay.com/

การขายสินค้าออนไลน์นั้น ด้วยความที่ลูกค้าก็ยังไม่เห็นสินค้า ไม่เคยรู้จักเรา แต่ต้องโอนเงินให้เราก่อน ความเป็นมืออาชีพนั้นจึงมีความสำคัญมากความเป็นมืออาชีพที่ว่านั่นก็คือ การตอบข้อความลูกค้าอย่างรวดเร็ว คอนเฟิร์มออเดอร์ 
 
คอนเฟิร์มสินค้า และที่สำคัญ ส่งสินค้าให้ตรงเวลา เช่น ถ้าบอกกับลูกค้าว่า จะส่งวันนี้ก็คือวันนี้ การส่งพรุ่งนี้ ถือว่า ผิดคำพูด จะทำให้ร้านเราดูไม่น่าเชื่อถือ หรือ ถ้าเรามีเวลาน้อย เราต้องแจ้งไปเลยว่า เราตัดออเดอร์ตอนกี่โมง ถ้าไม่ทันจะต้องยกยอดไปส่งวันรุ่งขึ้น เพียงแค่นี้ลูกค้าก็จะรู้กฎในการสั่งสินค้าของเราแล้ว แล้วอาจทำให้ลูกค้าโอนเงินเร็วขึ้นด้วย ถ้าอยากได้สินค้าเร็วขึ้น
 
ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ต้องรู้จักการหาข้อมูลใหม่ อัพเดทตัวเองให้ตามเทรนด์ลูกค้าได้ทัน สินค้าต้องอัพเดท รู้กระแสแฟชั่น กระแสสังคม สิ่งเหล่านี้จะทำให้ภาพลักษณ์แบรนด์ร้านค้าเราดูเป็นยุคใหม่ได้ตลอดเวลา รวมถึงเครื่องมือการตลาดต่างๆ ก็ต้องใช้ให้เป็น หมดเวลาของการตลาดยุคเก่าที่สมัยนี้ไม่เวิร์คแน่
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 

 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document/
 
พูดถึงการเดินทางในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร หลายคนคงเบ้ปากกับระบบขนส่งมวลชนที่ยังมีคุณภาพไม่มากพอทั้งปริมาณรถเมล์ คุณภาพในการบริการ ปัญหาการจราจรติดขัด..
71months ago   3,746  6 นาที
ในช่วง 2-3 ปีมานี้ เรียกได้ว่าเป็นช่วงขาขึ้นของธุรกิจ delivery service จากปัจจัยต่างๆ ที่เอื้ออำนวยให้ขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของตลาด e-commerce B2C พฤติกรรมผู้บริโภคยุคออนไลน์ หรือ เทรนด์เทคโนโลยีที่ทำให้แอพต่างๆ ฉลาดและตอบโจทย์ความต้องการผู้ใช้ได้ด..
71months ago   4,179  6 นาที
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สร้างรายได้จาก กระเบื้องยางSPC วัสดุปูพื้นยอดนิย..
525
ประกาศเซ้ง! แบรนด์แฟรนไชส์จีนหมดแรง แซงไทยไม่ไหว
446
ถอดรหัส Santa Fe Steak รีแบรนด์แล้วยังเหนื่อย?
435
สงครามเย็น จักรวาลชานมไข่มุก ใครจะอยู่ใครจะไป
408
รวมเทคนิค “ดิ้นสู้” วิกฤติร้านอาหารปี 2568 ทำยัง..
404
“Gap Model” ร้านค้าทำดีทุกอย่าง แต่ทำไมลูกค้าไม..
392
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด