บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
2.9K
4 นาที
30 ตุลาคม 2562
10 วิธีจัดการ วัตถุดิบเหลือใช้จากการเตรียมอาหาร


ปัจจุบันเรากำลังเผชิญกับวิกฤติขยะอาหารโดยไม่รู้ตัว โลกผลิตอาหารได้เพียงพอสำหรับเลี้ยงประชากร 7 พันล้านคน แต่กลับสูญเสียและทิ้งขว้างอาหารประมาณ 1.3 พันล้านตันทุกๆ ปี มูลค่ารวม 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่ทุกๆวัน ประชากรโลก 1 ใน 8 คน กำลังอดอยากและ 1 ใน 4 ของเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีมีภาวะขาดสารอาหาร

www.ThaiFranchiseCenter.com มองว่านี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นและไม่ใช่เรื่องที่จะมองข้าม วัตถุดิบที่เหลือใช้จากการเตรียมอาหารไม่ใช่แค่วิกฤติของโลกแต่เป็นปัญหาด้าน “ต้นทุน” ของร้านอาหารที่น่าสนใจด้วย
 
“ขยะอาหาร” เรื่องใหญ่ระดับโลก
 
ภาพจาก bit.ly/34epXBk

ประเทศไทยมีความสามารถในการกำจัดขยะไม่ถึงร้อยละ 70 ของขยะที่เกิดขึ้น ทำให้มีขยะมูลฝอยตกค้างจำนวนมาก อีกทั้งการกำจัดขยะด้วยวิธีฝังกลบที่ไม่ถูกต้องของประเทศที่มากขึ้น 2,024 แห่ง จากที่มีทั้งหมด 2,490 แห่ง จึงก่อปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมจากการปนเปื้อนมลพิษจากขยะสู่ดิน แหล่งน้ำทั้งบนดินและใต้ดิน เป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์พาหะนำโรคและส่งผลต่อภาวะโลกร้อนจากก๊าซมีเทนที่เกิดขึ้นจากกองมูลฝอย
 
ในสหรัฐอเมริกามีอาหารประมาณ 40% หรือ 19,500 ล้านตันของอาหารที่ถูกผลิตขึ้นในสหรัฐอเมริกาเองจะถูกทิ้งหากขายไม่หมดในแต่ละวัน ซึ่งหากมองนอกเหนือจากประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม ปริมาณของเหลือที่ถูกทิ้งเหล่านี้ก็นับเป็น “ต้นทุน” ที่ธุรกิจร้านอาหารต้องเสียไปไม่น้อยเลย

มูลค่าโดยรวมคิดแค่ในอเมริกาจากปัญหาของกินเหลือทิ้ง เป็นมูลค่ากว่า 1.6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี และในแต่ละปีต้องใช้พื้นที่ทิ้งขยะเกือบๆ 2 ล้านตารางกิโลเมตรซึ่งใหญ่เท่ากับขนาดของประเทศเม็กซิโก ทั้งยังสร้างก๊าซเรือนกระจกเป็นสัดส่วนถึง 10% ของประเทศที่พัฒนาแล้วอีกด้วย
 
เรื่องปัญหาขยะจากอาหารที่ว่านี้สำคัญถึงขนาดที่เคยมีการสร้างหนังเรื่อง Wasted! The Story of Food Waste ในปี 2017 โดยหนังเรื่องนี้ได้พูดถึงสาเหตุของปัญหาขยะอาหาร (food waste) และพาผู้ชมไปดูไอเดียการลดขยะอาหารในประเทศต่างๆ ผ่านมุมมองของเชฟและผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร
 
อย่างไรก็ดี ลองมาดู 10 วิธีที่น่าจะช่วยจัดการปัญหาวัตถุดิบเหลือใช้จากการเตรียมอาหาร มีอะไรบ้าง!
 
1.ส่งต่อให้ร้านที่ “ปรุงอาหารจากวัตถุดิบเหลือใช้”
 
ในเมืองไทยอาจจะไม่ชัดเจนแต่ในอเมริกามีแนวคิดนี้หนึ่งในสาเหตุของอาหารเหลือทิ้ง คือการอัพเดตของให้สดใหม่เต็มเชลฟ์อยู่เสมอในซูเปอร์มาร์เก็ต และก็เป็น Daily Table ซึ่งเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตที่รับเอาของเหลือที่ยังบริโภคได้จากร้านค้าในเครือข่ายมาขายในราคาย่อมเยา และมีโซนปรุงอาหารสดให้คนในย่านที่มีรายได้น้อย

หัวใจของ Daily Table คือความเชื่อว่าคนทุกคนควรมีสิทธิเข้าถึงอาหารที่ดีต่อสุขภาพในราคาที่จับต้องได้ ที่นี่จึงไม่ใช่แค่การลดขยะแต่คือการเพิ่มตัวเลือกทางอาหารให้คนอีกกลุ่มหนึ่ง
 
2.ส่งต่อให้สัตว์
 
ภาพจาก bit.ly/34a1Q6Y

ประเทศญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องการเลี้ยงหมูด้วยพืชผักชนิดที่ต่างกัน เพื่อสร้างรสชาติในเนื้อหมูที่ต่างกัน เรียกว่าปรุงรสมาตั้งแต่ก่อนจะขึ้นเขียงกันเลย ไอเดียนี้ถูกนำมาต่อยอดกับวิธีการแก้ปัญหาของเหลือจากอุตสาหกรรมอาหาร กลายเป็น Eco-Feed โดยบริษัท J-FEC คือการปรุงอาหารสัตว์ด้วยขยะอาหารจากโรงงานผลิตด้านอาหารต่างๆ

โดยคัดสรรส่วนผสมให้มีครบทั้ง คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน นำมาปั่นรวมกันแล้วหมัก 10-14 วัน คล้ายการทำโยเกิร์ต จนได้ออกมาเป็น Eco-Feed ที่อุดมไปด้วยโปรไบโอติกส์และวิตามิน นอกจากจะทำให้รสชาติของเนื้อหมูออกมาอร่อยแล้ว โรงงาน Eco-Feed สามารถช่วยลดขยะอาหารได้วันละ 35 ตัน และยังช่วยเกษตรกรลดค่าใช้จ่ายได้ถึง 50%  
 
3.ทิ้งเท่าไหร่ จ่ายเท่านั้น
 
ประเทศเกาหลีมีนโยบายลดปริมาณขยะอาหารไปสู่แลนด์ฟิลล์ (พื้นดินสำหรับฝังกลบขยะ) ซึ่งโดยปกติคนเกาหลีจะต้องซื้อถุงขยะ รัฐบาลจึงขึ้นราคาค่าถุงขยะและลงทุนสร้างระบบถังขยะอัตโนมัติขึ้นใหม่ วิธีการทำงานคือ ติดตั้งถังขยะอาหารอัตโนมัตินี้ในทุกอาคารพักอาศัย ผู้ทิ้งจะต้องใช้บัตรที่สมัครกับอาคารที่ตนเองอาศัยมาสแกนเพื่อเปิดถังและเทขยะเศษอาหารลงไป

โดยถังจะชั่งนำหนักขยะที่แต่ละบ้านทิ้ง คิดเป็นเงินค่าทิ้งขยะตามปริมาณที่ทิ้งในแต่ละเดือน เรียกว่าถ้าทิ้งมากก็ต้องจ่ายมาก กระตุ้นให้ชาวเกาหลีวางแผนก่อนซื้ออาหาร เรียกได้ว่าการซื้อน้อยลงทำให้ประหยัดได้สองต่อทั้งค่าใช้จ่ายและค่าทิ้งขยะ ระบบนี้ทำให้ประเทศเกาหลีลดปริมาณขยะได้ถึง 30%
 
4.โมเดลธุรกิจร้านอาหารที่วัตถุดิบมาจากของเหลือใช้
 
ภาพจาก www.facebook.com/TRJFProject/

ในอเมริกามีซุปเปอร์มาเก็ตที่รับเอาวัตถุดิบเหลือใช้ที่ยังใช้งานได้มาขายและปรุงอาหาร โมเดลนี้ในอังกฤษที่เมืองลิเวอร์พูลก็มีเช่นกัน เป็นร้านอาหารที่ชื่อว่า “The Real Junk Food Project” วัตถุดิบที่ใช้นั้นมาจากร้านอาหารหลายแห่ง ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายผักออร์แกนิก ช่วยกันบริจาคของให้ ซึ่งวัตถุดิบเหล่านี้สามารถนำมาบริหารจัดการให้กลายเป็นเมนูใหม่ๆ ที่น่าสนใจได้อย่างดี
 
5.ใช้สูตร “Yield” คำนวณเรื่องวัตถุดิบ
 
ภาพจาก bit.ly/34d2oJ9

ไม่เชิงเป็นวิธีกำจัดวัตถุดิบเหลือใช้ แต่สูตรของ Yield เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ช่วยลดต้นทุนร้านอาหารไม่จำเป็นต้องนำเข้าวัตถุดิบให้เกินความจำเป็นเท่ากับเป็นการควบคุมต้นทุนไม่ให้บานปลายจนเกินไปและไม่มีปัญหาวัตถุดิบเหลือทิ้งจำนวนมากด้วย

สูตรของ Yield คือ การหาค่าเฉลี่ยของวัตถุดิบ 1 หน่วยที่ผ่านการตัดตกแต่ง หรือหักส่วนที่สูญเสียออกเรียบร้อยแล้ว เพราะต้องไม่ลืมว่า วัตถุดิบที่ซื้อมาในราคาเต็มเมื่อถึงเวลานำไปใช้ประกอบการอาหารต้องมีการตัดแต่ง เช่น เอาส่วนราก เอาเม็ด เอาเปลือก เอาก้าน ทิ้ง ดังนั้นจึงไม่สามารถเอาราคาวัตถุดิบตอนซื้อมาคิดคำนวณเป็นต้นทุนได้ ต้องผ่านการคิดค่า “Yield” แล้วจึงจะนำมาคิดเป็นต้นทุนต่อจานได้
 
ยกตัวอย่างวิธีการคำนวณ Yield 
 
สูตรคือ % ของ Yield =ปริมาณหลังตัดแต่ง/ปริมาณก่อนตัดแต่ง  x 100
 
เช่น ซื้อผักบุ้งมาน้ำหนัก 1 กิโลกรัมราคากิโลกรัมละ 40 บาท เมื่อตัดแต่งเอารากออกแล้วเหลือผักบุ้งส่วนที่นำไปใช้ได้จริง 0.9 กิโลกรัม Yield คือ (0.9/1) x 100  = 90%  ราคาผักบุ้งต่อกรัมคือ 40/900 = 0.044 บาท/กรัม
 
ก็จะได้ต้นทุนของผักบุ้งที่นำไปใช้ได้จริงๆ ซึ่งทำให้เราคำนวณต้นทุนต่อจานได้ถูกต้องและกำหนดราคาขายให้ได้กำไรตามต้องการ แถมยังทำให้มีของเหลือจากการเตรียมอาหารน้อยลงด้วย
 
6. บันทึกขยะที่นำไปทิ้ง
 
หนึ่งในวิธีที่จะทำให้ร้านอาหารรู้ปริมาณขยะที่นำไปทิ้งและวิเคราะห์ได้ว่า “ต้นทุนจม” ที่สูญเสียไปมีจำนวนมากน้อยแค่ไหนในแต่ละเดือน เพราะการบันทึกสิ่งที่นำไปทิ้งในแต่ละสัปดาห์ ส่งผลให้เห็นภาพรวมของปริมาณขยะที่เสียไป และยังเป็นการช่วยให้เห็นรูปแบบของการซื้อของที่มากเกินความจำเป็นได้
 
7.จัดตู้เย็นของร้านใหม่
 
ภาพจาก bit.ly/2q18YDU

วิธีแก้ไขปัญหาการทิ้งวัตถุดิบให้เหลือน้อยลง ก็ยังมีวิธีการ “จัดตู้เย็นในร้าน” ซึ่งส่วนใหญ่ร้านอาหารจะมีตู้เย็นขนาดใหญ่และหลายตู้เอาไว้สำหรับแช่วัตถุดิบต่างๆ  บางร้านก็ไม่ได้มีการบริหารจัดการวิธีเก็บ และยัดวัตถุดิบเหล่านี้เอาไว้ในตู้เดียวกัน วิธีการที่ควรทำคือ ระบุให้ชัดเจนว่า อาหารชนิดไหนควรจะใส่ไว้ตรงจุดไหนของตู้เย็น

ตัวอย่างเช่น ชั้นวางที่อยู่ล่างๆจะมีอุณภูมิที่ต่ำกว่าด้านบน จึงควรใส่ของที่เน่าเสียง่าย บานตู้ควรจะวางเฉพาะพวกเครื่องปรุง เช่น ซอสมะเขือเทศ เพราะเป็นที่ๆเย็นน้อยที่สุด จะช่วยลดปัญหาวัตถุดิบที่ซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้จนกลายเป็นของเน่าเสียและยังทำให้ต้นทุนของร้านสมดุลมากขึ้นด้วย
 
8.ส่งมอบอาหารที่ขายไม่หมดวัตถุดิบที่ยังใช้ได้ให้กับองค์กรและมูลนิธิ
 
ในต่างประเทศมีการจัดตั้งแอพพลิเคชั่นสำหรับการรับบริจาควัตถุดิบเหลือใช้เพื่อนำไปส่งต่อให้กับมูลนิธิหรือองค์กรที่จะส่งมอบสิ่งเหล่านี้ให้กับผู้อดอยากที่มีทั่วโลกจำนวนมาก ในประเทศไทยก็มีแนวคิดนี้และเป็นเทสโก้โลตัสที่ริเริ่มโครงการ "กินได้ไม่ทิ้งกัน” ที่แต่ละวันจะมีพนักงานคัดแยกอาหารที่ขายไม่หมดและยังกินได้ กันไว้ส่งมอบให้กับมูลนิธิและองค์กรสาธารณกุศล เพื่อนำไปปรุงเป็นอาหารให้กับผู้ยากไร้
 
9.ทำน้ำหมัก EM
 
ภาพจาก bit.ly/2Wu7Lkz

น้ำหมัก EM คือการเอาเศษอาหารที่เหลือเช่น เศษผักและผลไม้ที่เหลือใช้ (แต่ไม่เน่า) โดย นำเศษวัสดุที่มี 3 ส่วน ผสมกากน้ำตาล 1 ส่วน ใส่ถังหมักที่มีฝาปิดหมักไว้ 7 วัน (โดยไม่เปิด) แล้วผสมกับน้ำ 10 ลิตรเพื่อทำเป็นหัวเชื้อ

โดยน้ำหมัก EM นี้นำไปใช้ในทางเกษตร ใช้รดน้ำต้นไม้ ใช้ฉีดพ่นดินจะช่วยปรับโครงสร้างในดินและเพิ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ ลดจำนวนแมลงศัตรูพืช ช่วยย่อยสลายเศษใบไม้แห้งในสวน ใช้ดับกลิ่นในอ่างล้างจาน โถสุขภัณฑ์ และรางระบายน้ำเสียถือเป็นการนำเอาสิ่งของเหลือใช้มาทำให้เกิดประโยชน์ได้ในอีกรูปแบบหนึ่ง
 
10.ทำปุ๋ยหมักจากเศษอาหาร
 
ภาพจาก bit.ly/2BURyf2

เช่นเดียวกับการทำน้ำหมัก EM แต่การทำปุ๋ยหมักจากเศษอาหารหลักการคือใช้เศษอาหาร (แยกน้ำ กระดูกและก้างปลาออก) ดินหรือปุ๋ยคอก ใบไม้แห้ง เทซ้อนกันเป็นชั้นๆ วิธีการทำถังปุ๋ยก็แสนง่ายดายคือ ใช้ตะกร้าพลาสติก เข่ง หรือภาชนะทรงสูง (เจาะให้มีรูระบายน้ำได้) กรุถุงพลาสติกที่เจาะรูรอบลงไปเป็นภาชนะรองรับด้านใน เมื่อมีเศษอาหารให้เทลงไปแล้วตามด้วยดินหรือปุ๋ยคอก (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งแต่ปุ๋ยจะได้ผลดีกว่าดิน) และใบไม้แห้งซ้อนเป็นชั้นๆ ในสัดส่วนอย่างละเท่าๆ กัน

รวบปากถุงพลาสติกคร่าวๆ แล้วปิดฝาเพื่อป้องกันแมลงวันมาวางไข่ ทำซ้ำเช่นนี้ทุกครั้งเมื่อทิ้งเศษอาหาร หากเต็มแล้วปิดฝาทิ้งไว้ รดน้ำทุก 7 วัน เพื่อระบายความร้อนในกองปุ๋ยออก หนึ่งเดือนผ่านไป เศษอาหารจะย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ยหมักสีดำเข้มโดยไม่ส่งกลิ่นเหม็นรบกวนเลย ปุ๋ยที่ได้นี้ใช้ผสมดินปลูกผักสวนครัวช่วยบำรุงผักให้งอกงามดีมากๆ
 
เทรนด์รักษ์โลกและรักสุขภาพกำลังมาแรงในยุคนี้ และเชื่อว่าธุรกิจใดก็ตามที่หยิบเอากระแสนี้มาเป็นหนึ่งในแคมเปญทำธุรกิจจะได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นจำนวนมาก ไม่ใช่แค่โอกาสในการเพิ่มยอดขายแต่ยังสามารถช่วยโลกลดภาวะโลกร้อนได้เป็นอย่างดีด้วย
 
SMEs Tip
  1. ส่งต่อให้ร้านที่ “ปรุงอาหารจากวัตถุดิบเหลือใช้”
  2. ส่งต่อให้สัตว์
  3. ทิ้งเท่าไหร่ จ่ายเท่านั้น
  4. โมเดลธุรกิจร้านอาหารที่วัตถุดิบมาจากของเหลือใช้
  5. ใช้สูตร “Yield” คำนวณเรื่องวัตถุดิบ
  6. บันทึกขยะที่นำไปทิ้ง
  7. จัดตู้เย็นของร้านใหม่
  8. ส่งมอบอาหารที่ขายไม่หมดวัตถุดิบที่ยังใช้ได้ให้กับองค์กรและมูลนิธิ
  9. ทำน้ำหมัก EM
  10. ทำปุ๋ยหมักจากเศษอาหาร
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise
 
 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ www.thaifranchisecenter.com/document/index.php
 
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
612
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
514
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
477
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
433
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
419
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
417
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด