บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การตลาด บริหารธุรกิจ    การตลาดออนไลน์ SEO
1.6K
2 นาที
16 กันยายน 2562
ตัวเลขการใช้เม็ดเงินสื่อโฆษณาของไทยสะท้อนอะไรหลายอย่าง
 
งาน DAAT DAY 2019 โดยสมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) หรือ Digital Advertising Association (Thailand) (DAAT) ได้มีการรวบรวมข้อมูลของวงการโฆษณาออนไลน์ในประเทศไทยทุกปีและในปัจจุบันว่ามีตัวเลขเป็นอย่างไรบ้าง โดยมีตัวเลขที่ผมว่าน่าสนใจมาก ๆ คือ
 
ตัวเลขการใช้เม็ดเงินสื่อโฆษณาของไทย โดยเก็บมาจากเอเจนซี่ในประเทศไทยทั้งหมด ปีนี้เป็นปีที่เม็ดเงินโฆษณาออนไลน์โตขึ้นแตะไปถึง 20,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 19% แต่ Growth Rate นั้นลดลง งบโฆษณาในเมืองไทยทั้งหมดประมาณ 1.2 แสนล้านบาท เป็นเงินโฆษณาออนไลน์ไปแล้ว 20,000 ล้านบาท จะเห็นว่าการใช้เม็ดเงินในสื่อออนไลน์ในประเทศไทยเริ่มที่จะเข้าไปเบียดสื่อออฟไลน์เดิมแล้วคือพวกทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ ฯลฯ 


ภาพจาก pixabay.com/th/
 
สมาคมได้มีการเจาะลึกลงไปว่าตัวเลขหลายล้านบาทที่ใช้ไปนั้นไปกองอยู่ที่สื่อไหนมากที่สุดในออนไลน์ ปรากฏว่าสื่อที่กำเงินไปมากที่สุดคือ Facebook คนไทยมีอัตราการใช้เงินคิดเป็น 29% รองลงมาคือ YouTube 20% รองลงมาคือค่า Creative 10% การทำ Display Ad 9% ค่า Search 8% คนไทยจ่ายไปกับ Line คิดเป็น 7% จ่ายเงินทำพวก Social Media คิดเป็น 7% ทำเกี่ยวกับเรื่อง online video 5% จากตัวเลขทั้งหมดจะเห็นได้ว่าคนไทยเริ่มใช้สื่อออนไลน์มากขึ้น
 
กลุ่มอุตสาหกรรมไหนที่มีการใช้จ่ายมากที่สุดในปี 2019 คือกลุ่มรถยนต์ (Motor Vehicles) กลุ่มที่สองคือ Skin-Care กลุ่มที่สามคือพวก Communications หรือโอเปอเรเตอร์เกี่ยวกับการสื่อสารต่าง ๆ กลุ่มที่สี่คือเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ทั้งหลาย กลุ่มต่อไปคือ กลุ่มธนาคาร กลุ่ม Dairy Product & Dairy Substitute Product กลุ่มประกัน กลุ่มค้าปลีก ฯลฯ ตามลำดับ กลุ่มเหล่านี้ที่เราพบบนโลกออนไลน์ใช้เม็ดเงินกับเติบโตมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง 
 

ภาพจาก pixabay.com/th/
 
จุดที่ผมสังเกตก็คือ เงินที่จับจ่ายมากที่สุดคือ Facebook ที่คนไทยจ่ายไปประมาณ 5,762 ล้านบาท จ่ายให้กับ YouTube อีกประมาณ 4,120 ล้านบาท จ่ายให้กับ Display Ad ซึ่งจะออกไปที่ Google มากที่สุดอีกประมาณ 1,731 ล้านบาท จ่ายให้กับ Line อีกประมาณ 1,472 ล้านบาท เท่าที่คำนวณไว้ประมาณ 13,000 ล้านบาทนั้น เป็นเงินที่คนไทยซื้อสื่อโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มต่างประเทศ พูดง่าย ๆ ก็คือเงินออกนอกประเทศโดยตรงเลยครับ เพราะเอเจนซี่ต่าง ๆ ที่ทำการตลาดออนไลน์มักใช้วิธีการวางบิลและจ่ายเงินตรงไปยังแพลตฟอร์มนั้น ๆ ที่อยู่ต่างประเทศ
 
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจหากเรามาดูรายได้ Facebook หรือ Google ในประเทศไทยที่มียอดเงินไม่ตรงตามที่ควรจะเป็น เป็นตัวเลขที่ไม่สมเหตุสมผลคือสิ่งที่เราเจออยู่ อย่างที่บอกไว้ว่าสิ่งหนึ่งที่น่าเป็นห่วงมาก ๆ ก็คือรายได้ของเราส่วนใหญ่กระเด็นออกไปนอกประเทศอย่างมากเลยทีเดียว
 
ตรงนี้เองที่สะท้อนอะไรหลายอย่างก็คือ อนาคตของสื่อโฆษณาในประเทศไทยโดยดูจากตัวเลขของการใช้งบประมาณต่าง ๆ บอกได้เลยว่ามันค่อนข้างรุนแรงมาก สื่อนิตยสารไม่รอดแน่ ๆ เพราะติดลบถึง -34% เรียกว่าสื่อสิ่งพิมพ์แย่แล้ว คำถามคือแล้วเงินมันหายไปไหน ในเมื่อแต่ละตัวลดลงถึง 20-30% พวกทีวี เคเบิ้ล ดาวเทียมหายไปไหน 
 

ภาพจาก pixabay.com/th/
 
คำตอบคือ มันออกไปอยู่ออนไลน์ครับ เมื่อเปรียบเทียบกับสื่อเดิมที่หากเราลงโฆษณาไปแล้ว คำถามคือใครเป็นคนดูหรือมองเห็น เลือกกลุ่มทาร์เก็ตได้ไหม ฯลฯ จะเห็นว่าความเก่งกาจหรือประสิทธิภาพในการลงโฆษณาของสื่อออนไลน์นั้นมีประสิทธิภาพมากกว่าเยอะ จึงไม่น่าแปลกใจว่านักการตลาดหรือเจ้าของธุรกิจต่างหันไปใช้เม็ดเงินกับสื่อออนไลน์มากขึ้น เป็นจุดหนึ่งที่เห็นกันค่อนข้างชัดเจน และเป็นความน่ากลัวอย่างหนึ่งเช่นกัน 
 
ลองคาดการณ์ไปอีกสัก 10 ปีข้างหน้าซึ่งผมบอกได้เลยว่า ต่อไปสื่อโฆษณาทั้งโลกจะอยู่ในมือไม่กี่บริษัท เรากำลังพูดถึงสองบริษัทใหญ่คือ Google และ Facebook ซึ่งตอนนี้เป็นอย่างนั้นแล้ว เพราะทั้งคู่เป็นบริษัทที่ทำเม็ดเงินโฆษณามากที่สุดในโลกไปแล้ว 
 
อีกจุดที่น่าสนใจก็คือ เมื่อแพลตฟอร์มการทำโฆษณามันง่ายมากขึ้น สะดวกมากขึ้น จะเห็นได้ชัดว่าในช่วงประมาณ 5 ปีที่ผ่านมา วงการเอเจนซี่ปรับตัวหนักมาก เอเจนซี่หลาย ๆ แห่งเริ่มลดขนาดตัวเองลง หลาย ๆ แห่งเริ่มปิดกิจการลง ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทยแต่หมายถึงทั่วทั้งโลก 
 

ภาพจาก pixabay.com/th/
 
สาเหตุเพราะแนวโน้มที่เจ้าของกิจการหรือบริษัทขนาดใหญ่เริ่มสร้างทีมเกี่ยวกับการทำโฆษณาออนไลน์เป็นของตัวเอง สมัยก่อนบริษัทต่าง ๆ เมื่อมีสินค้าขึ้นมาแต่ทำเองไม่เป็นก็เลือกที่จะจ้างเอเจนซี่ทำให้ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบครีเอทีฟ ทำ strategies ทำทุกอย่างให้ เพราะตัวเองไม่มีทีม แต่สมัยนี้ไม่ใช่แล้วครับ เดี๋ยวนี้ทุกอย่างมันอยู่บนออนไลน์ที่สามารถเก็บ data และอื่น ๆ ของลูกค้าได้ 
 
ผมอยู่ในวงการนี้ทำงานกับเอเจนซี่ใหญ่มาก็เยอะ เอเจนซี่ใหญ่ ๆ หลายแห่งปรับตัวไม่ได้ เพราะว่าผู้บริหารมักอยู่ในกรอบเดิม ๆ มีวิธีคิดแบบเดิม แต่ออนไลน์มันเปลี่ยนแบบ 360 องศาเลยครับ เป็นคนละเรื่องเลย และเอเจนซี่รุ่นเก่าก็มักไม่เก่งเรื่องออนไลน์จึงปรับตัวไม่ทัน 
 
ฉะนั้น วงการเอเจนซี่เองก็เริ่มแย่แล้ว เมื่อก่อนการทำหนังโฆษณาดี ๆ ครีเอทีฟดี ๆ ชิ้นหนึ่งต้องใช้เงินถึงห้าหกล้านบาท แต่เดี๋ยวนี้กลายเป็นว่าเอเจนซี่ดี ๆ มีโปรดักชั่นรับทำโฆษณาเล็ก ๆ ทำวิดีโอได้ คุณภาพเทียบเท่าเอเจนซี่ขนาดใหญ่แต่ใช้งบประมาณห้าหรือหกหมื่นบาทก็ทำได้แล้ว เพราะมันมีซอฟต์แวร์ใหม่ ๆ เข้ามารองรับสนับสนุน บางทีมีแค่มือถือเครื่องเดียวก็ตัดต่อหนังโฆษณาออกมาเทียบเท่ามืออาชีพได้เลยทีเดียว 
 
ถึงตรงนี้แล้ว ตัวเลขที่ผมยกมาให้ดู อยากรู้ว่าคุณพอมองเห็นอะไรบ้างหรือไม่ครับ
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
610
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
508
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
428
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
413
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
408
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด