บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
2.2K
3 นาที
2 กรกฎาคม 2562
10 เรื่องจริงที่คุณไม่รู้! สกุลเงิน Libra
 

เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมามีข่าวสั่นสะเทือนแวดวงการเงินโลก เมื่อ Facebook และบริษัทพันธมิตรได้ประกาศเปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลของตัวเอง โดยใช้ชื่อว่า Libra ซึ่งจะเริ่มให้บริการในต้นปี 2020  ว่ากันว่า Libra เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่อิงบนพื้นฐานของ Blockchain เทคโนโลยีที่พิสูจน์มาแล้วว่าเชื่อถือได้สูง มีความโปร่งใส แต่ไม่เหมือน Bitcoin เพราะ Libra ตั้งใจที่จะเป็นสกุลเงินหลักของโลก
 
www.ThaiFranchiseCenter.com มองว่านี่คืออีกหนึ่งไอเดียสุดล้ำที่เขย่าการเงินโลกแน่นอนว่าจะต้องมีคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย รวมถึงต้องมีข้อโต้แย้งและความกังวลจากหลายฝ่ายเข้ามาเกี่ยวข้องและก่อนที่สกุลเงิน Libraจะเริ่มใช้อย่างเป็นทางการลองมาดู 10 เรื่องจริงที่คุณไม่รู้เกี่ยวกับสกุลเงิน Libra
 
1. ความแตกต่างระหว่าง Libra กับ Bitcoin


ภาพจาก facebooknewsroom
 
แม้ Bitcoin จะได้ฤกษ์เปิดตัวใช้งานมาก่อนแต่ Facebook ก็มองว่า จุดอ่อนของ Bitcoin คือไม่สามารถใช้ในวงกว้างได้เป็นเพราะความผันผวนที่ยังมีสูง คนที่เก็งกำไรกับ Bitcoin เช่นซื้อมา 10 บาท ในวันต่อมาอาจมีมูลค่าเหลือแค่ 5 บาท 
 
แต่ Libra ได้แก้ไขปัญหานี้เพราะ Libra เปรียบเสมือนเงินสดที่อยู่ในสมาร์ทโฟน ในอนาคตเราจะสามารถซื้อเหรียญ Libra ได้จากแอพพลิเคชั่น Libra Wallet, ร้านสะดวกซื้อ หรือแม้กระทั่งร้านชำใกล้บ้าน  วิธีการซื้อเหรียญคือ จ่ายเงินสดเพื่อซื้อเหรียญ Libra จากร้านค้าได้เลย
 
2. Facebook ได้จดทะเบียนตั้งบริษัท Libra Association ในกรุงเจนีวา


ภาพจาก bit.ly/2XCtdXK
 
ก่อนที่ Facebook จะปล่อย Libra ออกมา Facebook ได้ไปจดทะเบียนตั้งบริษัท Libra Association ในกรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งเปรียบเสมือนศูนย์กลางทางการเงินและธนาคารโลก เหมือนเป็นการส่งสัญญาณเตือนจาก Facebook ว่ากำลังท้าทายระบบธนาคารที่ทรงอำนาจมาอย่างยาวนานเป็นร้อยๆปี ซึ่งอาจจะหมายถึงความพยายามในการเปลี่ยนแปลงระบบการเงินให้เป็นดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ
 
3. ทำไมต้องชื่อ Libra?


ภาพจาก bit.ly/2KRz7yg
 
Libra เป็นหน่วยการชั่งน้ำหนักของเงินในสมัยกรุงโรม Libra จะไปคล้ายๆเสียงของคำว่า Libre ที่เป็นภาษาฝรั่งเศสแปลว่า อิสรภาพ อีกด้วย ซึ่งก็ดูเหมาะสมดีเพราะ Facebook ตั้งใจจะให้ Libra เป็นสกุลเงินเสรีสำหรับคนทั่วโลก เท่านั้นยังไม่พอ Libra ยังไปพ้องกับคำว่า Libor ที่เป็นชื่อเรียกอัตราดอกเบี้ยการกู้ยืมเงินระยะสั้นของธนาคารอีกด้วย 
 
4. หลักการทำงานของ Libra


ภาพจาก bit.ly/2J2Nv4s

เริ่มต้นด้วย Libra Associate ขายเงินสกุล Libra ออกใหม่ให้กับ “ผู้ค้าที่ได้รับอนุญาติ” บนพื้นฐานของเงินสำรองที่น่าจะคล้ายกับธุรกิจแลกเงิน Super Rich ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็น Platform Callibra ของ Facebook โดยผู้ค้าจะส่งเอาสกุลเงินนี้ไปให้ผู้ใช้รายย่อยผ่านทางช่องทางต่างๆ
 
หรือยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่ายๆก็คล้าย LINE Coin ที่เราต้องซื้อเหรียญก่อนที่จะซื้อ Sticker แต่นี่คือส่งให้คนอื่นแล้วคนอื่นเอาไปแลกกลับเป็นเงินสกุลของผู้รับได้ เช่น 30 THB -> 1 LIBRA -> 1 USD แลกเงินแบบนี้แต่ข้อดีคือค่าธรรมเนียมต่ำ และแทบจะส่งปุ๊ปได้รับปั๊ปเดี๋ยวนั้นเลย 
 
5. ความมั่นคงของสกุลเงิน Libra


ภาพจาก bit.ly/2ZYU8ue
 
Libra มีรูปแบบการทำงานที่เป็น Stable Coin หรือค่าเงินคงที่ (หรือพยายามจะคงที่) ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหน ซึ่งการจะทำแบบนี้ได้เราต้องใช้หลักการ “นำสินทรัพย์มาค้ำประกัน แล้วค่อยเพิ่มเงินในระบบ” แนวคิดนี้มันคือหลักการเดียวกับการพิมพ์เงินใช้ในประเทศนั้นเอง
 
เมื่อต้องการให้เงินในระบบ Libra มีมากขึ้น ก็ต้องมีผู้ลงทุนเอาทรัพย์สินมูลค่าเท่าจำนวนเหรียญ Libra ที่จะเพิ่มขึ้นไปวางค้ำประกันไว้ แล้วถ้าจะถอนทรัพย์สินที่ค้ำประกันไว้ออกมา ก็ต้องเก็บเงินในระบบจำนวนเท่าทรัพย์สินนั้นออกไป ทำให้เงิน Libra = ของที่มีมูลค่าจริง ค่าเงินจึงไม่ขึ้นๆ ลงๆ เหมือน Bitcoin และ cryptocurrency
 
โดยสินทรัพย์ที่คาดการณ์ว่า Facebook จะใช้ในการอ้างอิง หรือค้ำประกันมูลค่าของเงินสกุล Libra อาจไม่ใช่เงิน Fiat หรือเงินที่ออกโดยรัฐบาลสกุลใดสกุลหนึ่งเพียงสกุลเดียว แต่อาจเป็นการอ้างอิงกับเงินในสกุลหลักตามคอนเซ็ปต์ ‘ตะกร้าเงิน’ (Currency Basket) ที่อาจประกอบด้วยเงินสกุลต่างๆ ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล เช่น เงินดอลลาร์สหรัฐ, ยูโร, เยน, ปอนด์, ฟรังก์สวิส, หยวน ฯลฯ ในอัตราส่วนที่เหมาะสม ซึ่งจะทำให้ Libra มีเสถียรภาพ น่าเชื่อถือกว่าการอ้างอิงมูลค่าไว้กับสินทรัพย์ชนิดใดชนิดหนึ่ง
 
6. เหตุผลที่แวดวงธุรกิจการเงิน หวั่นกลัว!


ภาพจาก bit.ly/2LxBeXs
 
Facebook และ Platform ต่างๆของบริษัทมีผู้ใช้รวมมากถึง 2,400 ล้านคน เปรียบเป็นประเทศถือว่าเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก การเข้ามาแบ่งเค้กผลประโยชน์ทางการเงินครั้งนี้ของ Libra จึงเป็นการกระทำที่ท้าทายระบบการเงินแบบดั้งเดิมมากๆ เพราะการทำธุรกรรมทางการเงินเป็นผลประโยชน์มหาศาลไม่ว่าจะฝั่งรัฐบาล, ธนาคารกลาง และธนาคารพาณิชย์ต่างๆ
 
Libra จะทำให้คนทั่วโลกสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้โดยไม่ต้องมีบัญชีธนาคาร ไม่ต้องไปสาขา ไม่แม้แต่จะต้องเดินหาตู้ ATM ..... และนี่คือสาเหตุว่าทำไมรัฐบาลในหลายประเทศและธนาคารทั่วโลกถึงพยายามหยุดยั้ง Libra เพราะถ้า Libra ใช้ได้จริงโดยไม่ต้องมีบัญชีธนาคาร เท่ากับเป็นการตัดธนาคารออกจากสารบบของการรับ-จ่ายเงินไปเลย นั่นหมายถึงค่าธรรมเนียมมหาศาล ข้อมูลการใช้จ่าย และฐานลูกค้าที่หายไป ไม่มีเงิน ไม่มีข้อมูล ฐานลูกค้าใหม่น้อยลง ลดทอนอำนาจของธนาคารไปไม่น้อย
 
7. Libra ตอบโจทย์ยุคสังคมไร้เงินสดได้ชัดเจน


ภาพจาก bit.ly/2XrOyE9
 
จุดแข็งของ Libra คือการแก้จุดอ่อนของสังคมไร้เงินสดที่ยังเป็นปัญหา จากข้อมูลระบุว่าทั่วโลกมีประชากรกว่า 7,500 ล้านคนและประชากร 1,700 ล้านคน ยังเข้าไม่ถึงบริการทางการเงิน การให้บริการของธนาคาร หรือบางทีก็ไม่มีบัญชีเงินฝาก
 
สาเหตุก็เพราะในหลายๆประเทศที่ยังไม่พัฒนา บริการด้านการเงินยังมีค่าใช้จ่ายสูง ดอกเบี้ยสูง ค่าธรามเนียมสูง และสาขาก็อยู่ไกล ยกตัวอย่างก็เช่น ในจีนสมัยก่อน อินเดีย หรือแอฟริกา แต่พอตอนนี้มีอินเตอร์เน็ตแล้ว ใครมี Smartphone เครื่องละไม่กี่พันบาทก็สามารถใช้บริการทางการเงินได้แล้ว สามารถทำบริการทางการเงินที่ต้นทุนต่ำได้
 
8. Libra มีการสำรองเงินจริงไว้


ภาพจาก libra.org
 
ระบบสกุลเงินดิจิตอลของ Libra มีการสำรองด้วยเงินจริงๆและพันธบัตรรัฐบาลต่างๆที่เป็น Investment grade องค์กรที่จะเข้ามาให้บริการจุดเชื่อมต่อข้อมูลต้องจ่ายเงินสูงถึง 10 ล้านเหรียญ Facebook บอกว่าเป้าหมายคือ 100 องค์กร ก็จะมีเงินกองกลางกว่า 1,000 ล้านเหรียญ หรือ 30,000 ล้านบาท
 
ดังนั้นจึงทำให้ตามทฤษฎีแล้ว สกุลเงินของ Libra จะมีความผันผวนน้อยมากๆ ดีกว่าการใช้ Bitcoin และอาจจะปลอดภัยกว่าการถือสกุลเงินจริงๆของประเทศที่กำลังประสบปัญหาอย่างสกุลเงินโบลิวาของเวเนซูเอล่าด้วยซ้ำไป
 
9. พันธมิตรของ Libra (Libra Associate)


ภาพจาก libra.org
 
องค์กรที่เข้าร่วมกับ Libra Associate แล้วมี Uber, Spotify, Booking, Agoda, Paypal, Visa, Mastercard, Ebay ซึ่งจะไม่ใช่แค่เข้ามาช่วยกันกำกับดูแล Libra แต่คาดว่าจะเปิดรับการชำระค่าสินค้าและบริการต่างๆของตนด้วยสกุลเงิน Libra ในอนาคตด้วย
 
ซึ่งก็มีข้อดีว่าอีกหน่อยการจองโรงแรมใน Booking หรือ ซื้อของใน Ebay ก็น่าจะถูกลงเพราะค่าธรรมเนียมต่ำลง ซึ่งจากตัวเลขของ Libra Associate รวมๆ แล้วตอนนี้มีกว่า 27 บริษัท แต่ที่น่าสนใจคือยังไม่มีธนาคารชั้นนำต่างๆ เข้าร่วมในช่วงแรกนี้
 
10. ถ้า Libra ประสบความสำเร็จจะเกิดอะไรขึ้น?


ภาพจาก bit.ly/2Yr3izx

แน่นอนว่าการทำธุรกรรมทางการเงินต้องเปลี่ยนไปอย่างมาก ธนาคารต้องปรับตัวมหาศาล ข้อมูลการใช้จ่ายต่างๆจะกระจายไปอยู่ในมือขององค์กรเอกชน ไม่อยู่ในมือของรัฐบาลหรือธนาคารกลางแต่เพียงผู้เดียวอีกต่อไป การส่งเงินข้ามโลกจะง่ายมากเหมือนเอาเงินใส่จรวดความเร็วแสงวิ่งผ่านสัญญาณอินเตอร์เน็ตถึงปลายทางทันที โดยมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำมากๆ
 
แน่นอนการซื้อของข้ามโลกจะยิ่งง่ายตามมา รวมถึงการกำกับดูแลอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางคงทำได้ยากขึ้น เพราะมีสกุลเงินดิจิทัลเข้ามาเป็นอีกหนึ่งปัจจัย แถมอำนาจการตัดสินใจไม่ได้อยู่ที่องค์กรใดองค์กรหนึ่ง เพราะปัจจุบันถ้าธนาคารกลางสหรัฐตัดสินใจลดหรือขึ้นดอกเบี้ย ก็จะกระทบระบบการเงินทั่วโลก

ก็คงต้องมารอดูกันต่อไปว่า Libra ที่ตั้งเป้าเปิดตัวในปี 2020 จะสามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนวงการได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีปัญหาตามมาอีกมากมาย อันจะเป็นการพิสูจน์ฝีมือของเจ้าของแนวคิดนี้ด้วยว่าจะรับมือกับสารพันปัญหาที่จะถาโถมเข้ามาได้ดีแค่ไหน หากฝ่าวิกฤตินี้ไปได้อาจจะทำให้ Libra เติบโตแบบก้าวไม่หยุดฉุดไม่อยู่ ตอนนี้อดใจรอไปก่อนถึงตอนนั้นค่อยมาว่ากันอีกที
 
ผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 
ติดตามได้ที่ Add LINE id: @thaifranchise

 
ต้องการข้อมูลข่าวสาร ต้องการอัพเดทข้อมูลการตลาด หรือแนวทางการทำธุรกิจ ติดตามได้ที่ bit.ly/2Jf8ph8
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
610
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
508
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
426
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
413
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
406
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด