จบกันไปแบบสดๆร้อนสำหรับรายการ The Mask Singer หน้ากากนักร้องรายการแข่งขันร้องเพลงที่ว่ามาแรงที่สุดในประเทศไทยขณะนี้ กับซีซั่นแรกที่ได้ผู้ชนะเป็นที่เรียบร้อย แต่ถึงกระนั้นก็มีกระแสดราม่าหลังจบรายการแบบหลากหลายความคิดเห็น ชอบใจ ไม่ชอบใจ อยากดูต่อ ไม่อยากดูต่อ แต่สิ่งเหล่านี้ก็สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของรายการได้เป็นอย่างดี

 

ทั้งนี้รายการ The Mask Singer นั้นเป็นมิวสิคโชว์ที่ทางช่องเวิร์คพอยท์ 23 ซื้อลิขสิทธิ์มาจากรายการ King of Masked Singer ประเทศเกาหลีใต้

โดย www.ThaiFranchiseCenter.com มองว่านี่คือโมเดลการตลาดที่น่าสนใจมากโดยทีมงานและผู้จัดสามารถจับจุดความต้องการของคนและแปลงมาเป็นรูปแบบรายการให้เหมาะสมกับคนไทยได้อย่างดีโดยเสน่ห์ของคนไทยที่ชอบเรื่องลับๆ ผสมผสานกับการเปลี่ยนจังหวะรายการให้ดูสนุกตื่นเต้น สอดแทรกด้วยมุขตลกและสาระไปพร้อมๆกัน

รวมถึงการใช้งานโปรดักชั่นที่อลังการและสรรหาช่องทางออกอากาศที่หลากหลายทั้งโทรทัศน์ปกติและออนไลน์ ความสำเร็จของรายการนี้จึงน่าจะนำมาเป็นต้นแบบสำคัญในการทำธุรกิจที่เราลองรวบรวมมาเป็นประเด็นสร้างธุรกิจจากโมเดลนี้ทั้งหมด 10 ประการด้วยกัน

 

Facebook live เป็นเครื่องมือหนึ่งที่ รายการ The Mask Singer นำมาใช้ในการเพิ่มคนดูอีกช่องทางหนึ่งซึ่งทำให้สามารถประเมินจำนวนผู้เข้าชมและการได้เห็นการแสดงความคิดเห็นในช่องคอมเม้นท์ ได้รับแจ้งปัญหาเรื่องสัญญาณการรับชม ความชัดเจนต่าง ๆ ของผู้เข้าชม ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมและสามารถแก้ไขปัญหาในเฉพาะหน้าได้ด้วย ทำให้รายการมีความสนุกมากยิ่งขึ้น ซึ่งหลาย ๆ ธุรกิจก็เริ่มหันมาใช้ Facebook live กันมากขึ้นเช่นกัน

 

2.ต้องฉีกกรอบแนวคิดให้แตกต่าง
 

การทำธุรกิจโอกาสที่เราจะเป็นธุรกิจแปลกใหมที่สุดนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ในหมู่ธุรกิจแบบเดียวกันเราสามารถสร้างตัวเองให้โดดเด่นที่สุดได้เหมือนกับรายการ The Mask Singer ซึ่งก็คือรายการร้องเพลงที่มีอยู่หลากหลายแต่แนวคิดที่ฉีกกรอบด้วยรูปแบบการแสดง การแต่งตัว ทุกสิ่งทุกอย่างทำให้เรตติ้งรายการนี้กระฉูดนำหน้าคู่แข่งได้ดีมาก

 

 

สิ่งที่เราได้เห็นจากรายการ The Mask Singer คือความอลังการของบรรดาหน้ากากต่างๆที่ไม่ใช่แค่หน้ากากแต่ทั้งเสื้อผ้าทรงผม ทุกอย่างจัดเต็มเวอร์ชั่น สิ่งนี้คือเรื่องสำคัญทางธุรกิจสินค้าที่จะโดดเด่นได้ต้องมีแพคเกจที่เด่นและสะดุดตาซึ่งบ้านเรามักไม่ค่อยคิดถึงเรื่องนี้กันมากนักด้วยอาจจะเป็นการลงทุนที่มากขึ้นแต่เชื่อว่าผลตอบแทนจะคุ้มค่ามากด้วยเช่นกัน

 

4.ให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมในการนำเสนอความคิดเห็น
 

จุดเด่นของรายการนี้อีกอย่างคือการเปิดโอกาสให้คนดูได้ร่วมโหวตให้คะแนน ไม่ใช่การนำเสนอของทางรายการเพียงอย่างเดียว นั้นคือกลยุทธ์สำคัญที่จะทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของสินค้าและบริการ รวมถึงการรับฟังความเห็นของลูกค้าก็อาจมีแง่มุมในการพัฒนาสินค้าที่ดีสำหรับเราในอนาคตด้วย

 

 

ยิ่งการทำให้คนสนใจและติดตามสินค้าเราได้มากแค่ไหนโอกาสในการปิดการขายที่จะสร้างรายได้กลับคืนมาก็มีมากเท่านั้นอย่างรายการ The Mask Singer นั้นเรียกว่าตรึงคนดูได้ตลอดเวลาแม้จะออกฉายเพียงสัปดาห์ละครั้งแต่คนก็อยากรู้และเฝ้าติดตามถ้าเราใช้โมเดลการตลาดที่ทำให้เกิดกระแสแบบนี้ได้การเป็นผู้นำในตลาดเราก็เปิดกว้างด้วย

 

6.ต้องสร้างเรื่องราวของสินค้า
 

น่าจะใกล้เคียงกับกลยุทธ์การตลาดแบบญี่ปุ่นที่เน้น Story ของสินค้าสร้างความสำคัญให้กับสินค้าว่าไม่ใช่ของธรรมดาๆเหมือนในรายการหน้ากากนักร้องที่ผู้ร่วมแข่งขันทางรายการจะสร้างเรื่องราวความเป็นมามีการดำเนินเรื่องดึงเข้าสู่รายการเป็นการเอนเตอร์เทนให้คนดูมีความรู้สึกร่วมไปกับรายการและอยากรู้อยากเห็นในตัวสินค้าหรือผู้ร่วมรายการมากขึ้น

 

7.นำเสนอสินค้าอย่างมีคุณภาพ
 

หลักการสำคัญของธุรกิจนั้นคือคำว่าคุณภาพ เป็นโจทย์ใหญ่ที่ผู้ประกอบการต้องคัดสรรและหาจุดเด่นในเรื่องนี้ให้ได้เช่นเดียวกับรายการหน้ากากนักร้องที่มีการคัดสรรเพลงของผู้เข้าร่วมรายการอย่างดีและเมื่อมีการนำเสนอก็ทำเต็มที่และใส่พลังลงไปในการทำงานจนคนดูหรือลูกค้ารับรู้ได้ถึงความเป็นมืออาชีพผ่านทางการนำเสนอเหล่านั้น

 

 

เรื่องของทีมเวิร์คในการทำงานเป็นสิ่งสำคัญมากแม้จะเป็นการขายที่ไม่มีลูกน้องลูกจ้างมากแต่ก็ต้องมีระบบปฏิสัมพันธ์กับสิ่งรอบตัวเพื่อให้เกิดการทำงานที่ง่ายตัวอย่างคือในรายการหน้ากากนักร้องจะเห็นว่าทีมงานทุกคนทำงานอย่างลงตัวทั้งทีมคอมเม้นเตเตอร์ พิธีกร ทีมงานทุกคน เป็นหนึ่งเดียวกันทั้งหมดหากเราพัฒนาทีมเวิร์คในธุรกิจได้เราจะทำงานง่ายขึ้น

 

9.เชื่อมโยงประสบการณ์ลูกค้ากับสินค้าที่เรามี
 

การที่ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อสินค้านั้นส่วนหนึ่งคือตัดสินจากความรู้สึกและความต้องการโดยมีประสบการณ์เดิมของตัวเองเป็นข้อมูลพื้นฐาน หากธุรกิจสามารถจับหลักความคิดของลูกค้าได้และนำเสนอได้อย่างตรงประเด็นเติมเต็มในจุดที่ลูกค้ากำลังต้องการนั้นคือโอกาสปิดการขายที่มีคุณภาพเหมือนรายการหน้ากากนักร้องที่ให้คอมเมนเตเตอร์ใช้ประสบการณ์ตัวเองพิจารณาคนที่ใส่หน้ากากดึงอารมณ์คนดูให้รู้สึกเชื่อและคล้อยตามหากเราทำแบบนี้ได้โอกาสขายได้ก็มีมากตามไป

 

เชื่อได้เลยว่าพ่อค้าแม่ค้าหน้าผู้ประกอบการที่มีอารมณ์ขันจะทำการค้าได้ดีกว่าคนที่มีแต่หลักวิชาการและไม่รู้จักการพลิกแพลงไม่ว่าจะการนำเสนอสินค้าในรูปแบบสื่อออนไลน์  สิ่งพิมพ์ หรือการนำเสนอด้วยปากเปล่าหากสอดแทรกอารมณ์ขันลงไปจะทำให้คนสนใจและจดจำสินค้าเราได้มากขึ้นเหมือนในรายการที่มีมุขตลลกปนสาระที่ทำให้เราได้ทั้งความรู้และความบันเทิงไปพร้อมกันด้วย

 

เราจะเห็นได้ว่ารูปแบบของรายการในยุคใหม่พยายามที่จะสรรหาสิ่งแปลกใหม่ที่แตกต่างและสร้างความน่าสนใจได้มากขึ้น รูปแบบของธุรกิจก็เช่นกันในการแข่งขันที่ดุเดือดนั้นหากเราจับประเด็นมาสร้างความต่างให้อยู่เหนือคู่แข่งได้โอกาสเพิ่มยอดขายสร้างรายได้ของเราก็จะเปิดกว้างขึ้นอย่างทันตาเห็นเลยทีเดียว

 

และสำหรับท่านใดที่สนใจข้อมูลข่าวสารการอัพเดทการทำธุรกิจในรูปแบบต่างๆ เรามีบทความน่าสนใจในเรื่องเหล่านี้มานำเสนออย่างต่อเนื่อง สามารถเลือกอ่านได้ตามความเหมาะสม

ดูรายละเอียดที่ goo.gl/lBhX0Q

 

ขอบคุณรูปภาพจาก  www.facebook.com/TheMaskSingerTH