บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การเริ่มต้นธุรกิจใหม่    ความรู้ทั่วไปทางธุรกิจ
3.2K
2 นาที
16 กุมภาพันธ์ 2560
4 กลยุทธ์จาก Starbuck ใช้ครองตลาดกาแฟเมืองจีน

กาแฟได้ชื่อว่าเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตของคนทั่วโลกไม่ว่าเราจะดื่มกาแฟด้วยเหตุผลประการใดก็แล้วแต่ ที่แน่ๆธุรกิจร้านกาแฟเป็นการลงทุนที่ดูท่าว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะมีเครื่องดื่มใดพยายามมาทดแทนตลาดแต่กาแฟก็ยังเป็นสินค้าหมายเลขหนึ่งของวงการเครื่องดื่มอยู่ดี
 
แต่ทว่าการลงทุนในธุรกิจร้านกาแฟนั้นมีอยู่ 2 ส่วนสำคัญคือการทำเป็นธุรกิจขนาดเล็กกับเน้นเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ในเวทีนี้การขับเคี่ยวนั้นค่อนข้างมากแบรนด์ดังทั้งหลายต่างแย่งพื้นที่การตลาดกันเต็มที่โดยเฉพาะประเทศจีนดินแดนที่มีฐานลูกค้าจำนวนมากการเจาะตลาดในประเทศนี้ได้นำมาซึ่งรายได้มหาศาลแต่ในอดีตก็มีหลายแบรนด์ที่ทำไม่ได้สุดท้ายกลายเป็น starbuck ที่ทำสำเร็จในประเด็นนี้

ซึ่ง www.ThaiFranchiseCenter.com เห็นว่าเป็นเรื่องน่าสนใจสำหรับคนที่อยากเริ่มต้นในธุรกิจกาแฟควรมองเห็นทิศทางการตลาดเพื่อกำหนดกลยุทธ์ให้ถูกต้องเหมือนที่ สตาร์บัคทำได้ เราก็ทำได้เช่นกัน
 
จุดเริ่มต้นของ starbuck ในประเทศจีน

ใช่ว่าสตาร์บัคไปเปิดที่ไหนแล้วจะสำเร็จเหมือนกันหมดก่อนหน้านี้สตาร์บัคล้มเหลวไม่เป็นท่ากับการเปิดสาขาในออสเตรเลีย เหตุผลคราวนั้นคือตีโจทย์เรื่องความต้องการของลูกค้าไม่แตก และเมื่อตั้งใจลุยเข้าตลาดจีนสตาร์บัคเปิดสาขาแรกในกรุงปักกิ่งเมื่อปี 1999 โจทย์การตลาดที่สำคัญครั้งนี้คือทำอย่างไรให้คนจีนที่มีวัฒนธรรมการดื่มชาอย่างเหนียวแน่นหันมาสนใจกาแฟ

ซึ่งสตาร์บัคใช้เวลากว่า 2 ทศวรรษในการเปิดโลกวัฒนธรรมดังกล่าวจนปัจจุบันมีสาขาอยู่ในประเทศจีนกว่า 2,000 แห่งใน100เมืองทั่วประเทศจีน แม้กระทั่งดินแดนเทือกเขาหิมาลายา สตาร์บัคก็ยังปักธงเปิดสาขามาเป็นที่เรียบร้อย

4 กลยุทธ์ starbuck ครองตลาดกาแฟเมืองจีน

1.คิดนอกกรอบเน้น Location มากกว่าการโฆษณา

สตาร์บัคส์คิดต่างและเป็นการคิดนอกกรอบ ช่วงเวลานั้นจีนเพิ่งเปิดประเทศได้ไม่นาน จำนวนชนชั้นกลางมีมากและเป็นชนชั้นที่พร้อมเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ สตาร์บัคส์มองว่าเป็นโอกาสที่จะแนะนำวัฒนธรรมกาแฟแบบตะวันตกให้กับคนเหล่านี้ และเมื่อเข้าไปแล้ว

เชนร้านกาแฟดังจากอเมริกาก็ปรับกลยุทธ์การตลาดใหม่โดยไม่ใช้โฆษณาหรือโปรโมชั่นลดราคาเหมือนที่เคยทำมาเพราะนั่นอาจดูเป็นการคุกคามวัฒนธรรมการดื่มชาของชาวจีนสิ่งที่สตาร์บัคส์เลือกทำคือการเน้น Location ทำเลที่มีผู้คนสัญจรคับคั่ง และดีไซน์ร้านให้คนข้างนอกมองเห็นชัดเจนเพื่อเป็นการสะท้อนภาพลักษณ์ของร้าน

นอกจากนั้น ยังไม่ยัดเยียดเครื่องดื่มกาแฟที่ขายดีในอเมริกาให้กับชาวจีนแต่มีความพยายามผสานวัฒนธรรมแบบ East meets westเครื่องดื่มที่ทำจากชาและใช้วัตถุดิบท้องถิ่น อย่างชาเขียวปั่นจึงถูกบรรจุในเมนูและกลายเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมในที่สุด ขณะเดียวกัน เครื่องดื่มกาแฟก็แทรกซึมจนคนรุ่นใหม่เริ่มรู้สึกคุ้นชิน
 
2.ดีไซน์ร้านให้ต่างจากแบบ take away ของตะวันตก

ข้อมูลอีกอย่างที่น่าสนใจ ผลการทำแบบสอบถาม 20 เหตุผลที่ชาวจีนเดินเข้าร้านกาแฟพบว่าเหตุผลอันดับ 1 คือเป็นแหล่งนัดเจอ รวมตัวกัน สตาร์บัคส์จึงต้องปรับรูปแบบร้านจากสไตล์ตะวันตกที่เน้น take away ซื้อแล้วถือออกไปกินข้างนอกเป็นการออกแบบร้านให้มีโต๊ะมากขึ้น บรรยากาศดี เก้าอี้นั่งสบาย

เปิดเพลงตามสมัยเพื่อสะท้อนรสนิยมคนรุ่นใหม่ และเพิ่มเมนูอาหาร เพราะร้อยละ 90 ของลูกค้าจีนนั่งทานที่ร้าน ขนมในร้านก็ไม่ได้มีแค่เค้กแบบฝรั่ง มีขนมไหว้พระจันทร์ มีกระหรี่ปั๊บเสริมมาด้วย 

3.จับมือเป็นพันธมิตรกับบริษัทท้องถิ่น

เนื่องจากจีนมีพื้นที่มหาศาลและไม่ใช่ตลาด ที่ผู้บริโภคมีพฤติกรรมเดียวกัน การยึดหลักรู้เขารู้เราก็เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่ถูกนำมาใช้ การขยายธุรกิจเข้าจีน สตาร์บัคส์ไม่ได้ลุยเพียงลำพัง

แต่ใช้วิธีจับมือเป็นพันธมิตรกับบริษัทท้องถิ่น เช่น พื้นที่ทางเหนือก็ร่วมทุนกับบริษัทผู้ผลิตกาแฟเจ้าหนึ่งของจีน ทางตะวันออกก็ลงทุนร่วมกับบริษัทไต้หวัน ส่วนทางใต้ก็ร่วมทุนกับบริษัทจากฮ่องกง ซึ่งบริษัทเหล่านี้จะมีข้อมูลเชิงลึก รู้และเข้าใจรสนิยมผู้บริโภคท้องถิ่นดีกว่า 
 
4.เน้นบริการแบบ Experience

สุดท้าย มาที่การวางตำแหน่งแบรนด์ว่าเป็นกาแฟพรีเมี่ยม ลูกค้าชาวจีนหลายคนยอมรับรสชาติกาแฟสตาร์บัคส์ไม่ได้โดดเด่นกว่าเจ้าอื่น กาแฟของคู่แบ่งบางแบรนด์อร่อยกว่าด้วยซ้ำ แถมราคากาแฟสตาร์บัคส์โดยเฉลี่ยแพงกว่าที่ขายในอเมริกาเสียอีก

แต่ที่ลูกค้าโดยเฉพาะชนชั้นกลางของจีนยอมจ่ายเพราะต้องการสิ่งที่เรียกว่า Starbucks Experience คือการได้รับบริการระดับ 5 ดาวอย่างที่ไม่เคยมีร้านกาแฟท้องถิ่นร้านไหนทำมาก่อน ความรู้สึกนี้กลายเป็นสัญญลักษณ์บอกสถานะทางสังคมอย่างหนึ่งของคนจีน เป็นการบ่งชี้ความไฮโซ ความหรูหรา และถือเป็นการลงทุนด้านไลฟ์สไตล์ของชาวจีนรุ่นใหม่ที่ยอมจ่ายเพื่อให้ได้มา
 
นับจากนี้ก็ต้องจับตาดูการตลาดของสตาร์บัคที่จะนำมาใช้กับผู้บริโภคชาวจีนให้มากขึ้นเพราะสตาร์บัคเองก็ตั้งเป้าว่าภายในปี 2019 จะขยายสาขาในประเทศจีนให้ครบ 3,400 แห่ง

ทั้งนี้ยังมีการเล็งตลาดเครื่องดื่มชาซึ่งยังเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูงสุดในจีนโดยมีมูลค่าการตลาดกว่า 63,200 ล้านหยวน หรือประมาณ 9,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และการเปิดตัวเครื่องดื่มตระกูลชาอย่าง Teavana ของสตาร์บัคเมื่อเร็วๆนี้ก็เป็นสัญญาณเริ่มต้นอย่างหนึ่งกับการรุกตลาดเครื่องดื่มชาในประเทศจีนมากขึ้นด้วย
 
กรณีศึกษาของสตาร์บัคที่ดำเนินยุทธศาสตร์การตลาดที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนในพื้นที่สำหรับใครที่อยากเปิดธุรกิจร้านกาแฟก็สามารถดัดแปลงเอาแนวคิดเหล่านี้มาเป็นกลยุทธ์การตลาดของตัวเองได้ ถ้าเรามีจุดสนใจที่สามารถเชื่อมต่อความรู้สึกระหว่างร้านกาแฟและลูกค้าได้ก็จะทำให้ธุรกิจเรามีความน่าสนใจและมีแนวโน้มเติบโตหรือขยายสาขาต่อไปในอนาคตได้ด้วย
 
พร้อมกันนี้สำหรับท่านใดที่อยากมีกิจการร้านกาแฟเป็นของตัวเองเรามีรวบรวมแฟรนไชส์กาแฟไว้จำนวนมาก 
 
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ goo.gl/TA6vlx
 
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ศึกกลยุทธ์ที่มากกว่าราคา สงครามสุกี้ เดือดㆍแดงㆍด..
610
กลยุทธ์การตลาดแบบคูล "ยาคูลท์" ผ่านมา 54 ปี วันน..
508
ร้านเล็กตายเรียบ สงครามราคากาแฟจีนสู่ไทย ลามไปทั..
476
มหันตภัย “ศูนย์เหรียญ” พาธุรกิจไทยเจ๊งยับ
426
ตำนาน! โรตีบอย (Rotiboy) วันนี้ไปไหน
413
3 แบรนด์กาแฟในอิตาลี! ที่ Starbucks ยังต้องหลบ
406
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด