บทความทั้งหมด    บทความ SMEs    การตลาด บริหารธุรกิจ    ความรู้ทั่วไปทางการตลาด
1.7K
2 นาที
1 กุมภาพันธ์ 2560
6 วิธีงัดจิตวิทยาเข้าสู้ ทำตลาดดิจิตอลให้เหนือชั้น

การเริ่มต้นทำธุรกิจนั้นแม้ในยุคแห่งเทคโนโลยีการสื่อสารก็ใช่ว่าจะรู้จักแต่การใช้สื่อโซเชี่ยลอย่างเดียวแล้วจะทำให้การตลาดนั้นประสบความสำเร็จได้ ตั้งแต่อดีตมาถึงปัจจุบันและคงจะต่อเนื่องไปถึงอนาคตศาสตร์ของจิตวิทยามีบทบาทที่สำคัญ

ซึ่งบริษัทโฆษณาทั้งหลายก็เข้าใจดีดังนั้นในการหยิบเอาความรู้สึก หรือจับกระแสความต้องการลูกค้า ถือเป็นไม้เด็ดที่จะเปิดใจผู้คนให้หันมาสนใจในสินค้าหรือบริการนั้นได้มากขึ้นด้วย
 
แต่ปัญหาที่สำคัญก็คือจิตวิทยาที่ดีนั้นต้องทำอย่างไรเพื่อจูงใจให้คนหันมาสนใจ www.ThaiFranchiseCenter.com  จึงได้รวบรวมเอา 6 เทคนิคง่ายๆที่ผสมผสานการใช้จิตวิทยากับเทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือการตลาดชั้นยอดเปลี่ยนจากคนดูให้เป็นลูกค้าแน่นอนว่าส่งผลถึงยอดขายที่เปลี่ยนเป็นกำไรให้ธุรกิจได้อย่างดีทีเดียว

1. ออกแบบเว็บไซต์และอีเมล์ ให้คนสนใจและอยากอ่านคอนเท้นต์นั้น


ภาพจาก goo.gl/1sEIyP
 
หลักการสำคัญในการออกแบบคือการใช้ภาพ สี และข้อความให้สัมพันธ์กัน ปัจจุบันมีธุรกิจมากมายที่รับออกแบบเว็บไซต์โดยจะเน้นที่ดีไซน์เป็นสำคัญ ทั้งนี้การทำให้คนรู้สึกทึ่งในครั้งแรกที่พบเห็นถือได้ว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง  

โดยสิ่งสำคัญคือภาพต้องคมชัด มีเส้นสายนำตาให้ลูกค้ารู้ว่าต้องการให้เขาทำอะไร เช่นรูปพรีเซนเตอร์มองหรือชี้ไปทางช่องให้กรอกข้อมูลลงทะเบียน หรือปุ่มติดตาม กดไลค์ หรือกดแชร์ เป็นต้น ทั้งนี้การใส่ข้อความบรรยายสรรพคุณในหน้าแรกของเว็บไซต์ไม่ใช่สิ่งที่ดีนอกจากไม่ดึงดูดใจยังทำให้ลูกค้าปิดหน้าเว็บไซต์เราแล้วไปดูเว็บอื่นได้ง่ายกว่าเดิมด้วย
 
ตัวอย่างของเว็บไซต์ที่ดีก็เช่น เว็บไซต์ของ Kiyomizu Temple หรือวัดน้ำใสในจังหวัดเกียวโตที่คนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี หลายคนที่อาจจะเคยแว๊บเข้ามาในเว็บนี้บ้างแล้วก็คงจะประทับใจอยู่ไม่น้อยกับดีไซน์หน้าโฮมเพจของวัดน้ำใสที่มีทั้งภาพเคลื่อนไหว ทั้งเสียงประกอบที่ทำให้รู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์และความสงบ ถือเป็นไอเดียที่สร้างสรรค์น่าชื่นชมยิ่งนัก
 
2. เล่นกับอารมณ์และความรู้สึกของลูกค้าเสมอ

 
ลูกค้าจำนวนไม่น้อยตัดสินใจซื้อสินค้าเพราะมาจากอารมณ์ความรู้สึก แล้วค่อยหาเหตุผลว่าทำไมถึงซื้อ แนวทางนี้หากเรามีประสบการณ์ทำโฆษณามากพอก็จะเชื่อมต่อกับความรู้สึกลูกค้าได้อย่างดี

สิ่งสำคัญคือการใช้วีดีโอ รูปภาพ น้ำเสียง และคำอธิบายสั้นๆแต่ทำให้เข้าใจ ยิ่งถ้าจี้จุดความรู้สึกได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ แทบจะทำให้ตัดสินใจซื้อสินค้ากันในทันทีทั้งนี้ก็อยู่ที่อารมณ์และความรู้สึกของแต่ละคนในขณะที่พบเห็นโฆษณาด้วยเช่นกัน
 
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือโฆษณาการขายประกันชีวิตที่ระยะหลังหันมาจับจุดคนไทยได้เก่งมาก ใช้บทโฆษณาที่เห็นแล้วซึ้งใจ นึกถึงเหตุการณ์ต่าง ๆที่ทำให้คนดูเกิดตระหนักถึงความสำคัญและจำเป็น ก็เท่ากับเป็นการเปิดโอกาสการค้ายิ่งถ้ามีตัวแทนอยู่ใกล้ในขณะนั้นเรียกว่าแทบจะปิดการขายได้สบายๆ เลยทีเดียว

3. เอาสินค้าไปอยู่ในมือลูกค้าให้เร็วและง่ายที่สุด

 
หลักการง่ายๆเรียกว่าการสร้างความประทับใจเล็กๆน้อยๆหรือให้ลูกค้ารู้ว่าคุณคือคนสำคัญแม้จะเป็นการสั่งสินค้าในปริมาณเล็กน้อยก็ตามที ที่ต้องเอาสินค้าไปส่งถึงมือผู้รับโดยเร็วที่สุดนั้นเพราะจริงๆแล้วเราทุกคนต้องการให้คนอื่นยอมรับการซื้อสินค้าก็อยากให้เจ้าของสินค้าเชื่อมั่นในการจ่ายเงิน

ทั้งนี้ผู้ประกอบการที่ดีควรรู้จักเล่นกับจิตวิทยาแนวนี้ให้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นการจัดส่งสินค้าให้ทดลองใช้ฟรี หรือการลดขั้นตอนการสั่งซื้อแบบไม่ต้องเสียเวลาลงทะเบียนส่วนตัว รวมถึงหากไม่พอใจเจ้าของสินค้าเปิดช่องทางให้คืนสินค้าได้ ก็จะเป็นการซื้อใจที่ทำให้เห็นว่านี่คือธุรกิจทีดีและไม่คิดจะเอาเปรียบผู้บริโภคนั่นเอง
 
4. พิสูจน์ให้ลูกค้าเห็นว่าใครๆเขาก็ทำกัน

 
เรียกว่าใช้จิตวิทยาโดยเอาตัวเลขมากระตุ้นกัน เพราะคนเรานั้นมักจะมีความโลเลในใจเสมอแต่หากได้รับรู้ว่าสิ่งที่กำลังจะทำนั้นคือสิ่งที่คนทั่วไปเขาก็ทำกันก็จะก่อให้เกิดความรู้สึกอยากเข้าร่วมด้วยเหตุผลที่ไม่อยากตกเทรนด์ หรือต้องการจะตามกระแสก็ตามแต่ วิธีการที่ว่านี้ก็มีเยอะแยะเช่นการโชว์จำนวนแฟนเพจที่มี  การโชว์ให้เห็นยอดคนที่ติดตาม 
 
ธุรกิจที่จะใช้จิตวิทยาแนวนี้ได้ผลมากคือสินค้ากลุ่มแฟชั่นโดยเฉพาะเทรนด์ของเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่มีการเปลี่ยนแปลงเทรนด์ตลอดเวลา

หากผู้ประกอบการร้านขายเสื้อผ้าจัดทำกิจกรรมที่ให้คนมาโหวตดูว่าเสื้อผ้าสไตล์ไหนที่น่าสนใจ และอาจทำป้ายแปะไว้ในเว็บไซต์ว่านี่คือเสื้อผ้าที่คนส่วนใหญ่ต้องการ หรือขึ้นข้อความว่ากว่า 90 % ที่ผู้ซื้อแนะนำ ก็น่าจะเป็นการเพิ่มยอดขายให้กับร้านค้าได้อย่างไม่น่าเชื่อทีเดียว
 
5. จำกัดจำนวนสินค้าและโอกาสเข้าถึงสินค้า

ภาพจาก goo.gl/xzYmiP

คำว่า “สินค้ามีจำนวนจำกัด” หรือ “ช้าหมดอดแล้วอดเลย” ยังเป็นจิตวิทยาขั้นพื้นฐานที่ให้ได้ดี ไม่ต้องดูอะไรมากตัวอย่างคือธุรกิจขายสินค้าประเภทไดเรคเซลล์ที่โฆษณาทางโทรทัศน์ส่วนใหญ่มักใช้จิตวิทยาข้อนี้เสมอ

ยกตัวอย่างคำโฆษณาที่เราคุ้นเคยกันดี เช่น สินค้าปกติราคา 10,000 บาท หากคุณสั่งซื้อภายใน 10 สายแรก เหลือเพียง 3,000 บาท เป็นต้น แต่ทีนี้ก็เกิดคำถามขึ้นอีกเช่นกันว่า แล้วหากสินค้านั้นไม่ได้มีจำนวนจำกัดอย่างที่โฆษณาไว้ละจะทำการตลาดแบบนี้ได้หรือไม่คำตอบก็คือได้เสมอ
 
เพราะการตลาดแบบดิจิตอลจะมีกลุ่มเป้าหมายที่เรียกว่า A/B Split Test เพื่อให้ผู้ประกอบการรู้ว่าระหว่างกลุ่มคนที่กลัวเสียโอกาสถ้าไม่ซื้อกับกลุ่มที่ต้องการซื้อเพราะมีโอกาสดีๆ ทางไหนจะเป็นช่องทางที่ดีกว่ากันทั้งนี้ก็เพื่อกำหนดรูปแบบการขายที่ดีต่อไปในอนาคต
 
6. ทำให้ลูกค้าติดหนี้บุณคุณกับสินค้าให้ได้

 
การที่ลูกค้าได้สิทธิพิเศษไม่ว่าจะเป็นลดแลกแจกแถมจากทางร้านไปง่ายๆ ลูกค้าก็จะไม่เห็นคุณค่า ดังนั้นสิทธิพิเศษที่กิจการของมอบให้ จะต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าต้องกลับมาตอบแทนในโอกาสต่อไป หรือจะเรียกว่าให้ไปก่อนแล้วค่อยขอคืนทีหลังก็ได้

วิธีการที่เห็นกันบ่อยๆ ก็คือการให้สินค้าหรือว่าสินค้าแบบทดลองใช้ซึ่งแน่นอนว่าต้องให้แบบฟรีๆ ซึ่งเราอาจจะแนบท้ายด้วยใบประกาศว่าถ้าต้องการสินค้าก็สามารถไปพบได้ที่ไหนบ้าง หรือทุกครั้งที่แจกสินค้าก็ให้ลูกค้าได้ลงทะเบียนไว้เพื่อเป็นช่องทางการติดต่อกับลูกค้าในอนาคตด้วย
 
ทั้งนี้รูปแบบการค้าขายยังสามารถพลิกแพลงได้อีกมากคำว่าการตลาดไม่มีหลักเกณฑ์ที่ตายตัวขึ้นอยู่กับความคิดที่สร้างสรรค์ของผู้ประกอบการทฤษฏีเป็นเพียงหลักการให้ยึดถือเบื้องต้นการจะประสบความสำเร็จด้านการตลาดแค่ไหนนั้นอยู่ที่ผู้ประกอบการจะรู้จักใช้วิธีการตลาดแบบไหนให้ถูกที่ถูกเวลาได้มากที่สุด
 
และสำหรับท่านใดก็ตามที่อาจจะมีสินค้าดี การตลาดที่ดีแต่ยังขาดทำเลที่น่าสนใจเรามีรวบรวมทำเลค้าขายไว้จำนวนมาก

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ goo.gl/2ozPmG
บทความเอสเอ็มอียอดนิยม Read more
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สร้างรายได้จาก กระเบื้องยางSPC วัสดุปูพื้นยอดนิย..
528
ประกาศเซ้ง! แบรนด์แฟรนไชส์จีนหมดแรง แซงไทยไม่ไหว
449
ถอดรหัส Santa Fe Steak รีแบรนด์แล้วยังเหนื่อย?
447
สงครามเย็น จักรวาลชานมไข่มุก ใครจะอยู่ใครจะไป
410
รวมเทคนิค “ดิ้นสู้” วิกฤติร้านอาหารปี 2568 ทำยัง..
404
“Gap Model” ร้านค้าทำดีทุกอย่าง แต่ทำไมลูกค้าไม..
392
บทความเอสเอ็มอีมาใหม่
บทความอื่นในหมวด