จากประสบประการณ์และความชำนาญในการทำแพนเค้กการ์ตูน จากอาชีพเสริมสู่อาชีพหลัก และธุรกิจอย่างเต็มตัวในปัจจุบัน วรพล ศักดิ์แสงวิรัตน์ เด็กหนุ่มวัย 27 ปี จากจังหวัดสกลนคร ความรู้เพียงแค่ชั้นมัธยมปลาย ต่อสู้ชีวิตทำงานมาหลายอย่าง อาทิเช่น แจกใบปลิว เป็นเด็กเสิร์ฟ ขายข้าวเหนียวปิ้ง ขายเสื้อผ้ามือสอง ขายน้ำแข็ง และขายลูกชิ้นปลา จับทำมาหลายอาชีพ แต่ล้วนไม่เคยพอประทังชีวิตตัวเองและครอบครัว

ในที่สุดก็จับผลัดจับผลูมาลงที่การทำขนมแพนเค้ก จากการที่ไปได้สูตรการทำขนมกับสูตรการผสมแป้งขนมแพนเค้กมาจากญาติคนหนึ่ง โดยทดลองนำมาขายบริเวณหน้าโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสกลนคร ปรากฏว่าขายดีมาก ภายในเวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง เขาสามารถทำกำไรได้ถึงวันละ 2,000 บาท ด้วยจุดนี้เองทำให้เขามองเห็นว่าการขายขนมแพนเค้กนั้นสามารถเลี้ยงตัวได้สบายๆ

เมื่อขายนานวันเข้ายิ่งพบว่าอาชีพนี้สามารถทำเป็นธุรกิจที่มั่นคงได้ จึงทุ่มกายทุ่มใจกับขนมแพนเค้กอย่างจริงจัง และคิดหาวิธีพัฒนาขนมให้เกิดรูปแบบกับลวดลายการ์ตูนลงบนขนม เพื่อทำเป็นจุดขายที่ชัดเจน

“ผมทำอาชีพไหนๆ ก็ล้วนแล้วแต่เจ๊งหมด บางอาชีพทำแล้วเป็นหนี้สินเขาเป็นแสนๆ กระทั่งได้มายึดอาชีพนี้แหละที่ทำให้หมดทั้งสิ้น

ตอนแรกก็เป็นแพนเค้กธรรมดาทั่วไป แล้วผมก็พยายามคิดทำเป็นรูปการ์ตูน โดยพยายามขายเรื่อยมา แล้วคิดค้นสูตรแป้งขึ้นมาใหม่ ซึ่งพัฒนาและปรับปรุงจากสูตรเดิม

ขนมเด็ก ทำขายหน้าเตา ขายความอร่อย และความสนุกของเด็ก

ผมตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายในปีนี้จะมี 50 สาขา แล้วอนาคตอยากมีซัก 100 สาขา ให้ค่อยเป็นค่อยไป

ผมภูมิใจในอาชีพนี้ เพราะช่วยให้คนมีอาชีพมีรายได้ บางคนไม่มีรายได้ แต่มาหาผมให้ผมสอนอาชีพนี้ให้ เขาก็มีรายได้ฟื้นตัวขึ้นมาแทบทุกคนเลย เขาลืมตาอ้าปากได้ จากที่ไม่มีอะไรเลย ใช้เวลา 2 เดือนก็คืนทุน

ค่าแฟรนไชส์ 19,000 บาท จะได้รถเข็นและอุปกรณ์ขายทุกอย่างเลย พร้อมแป้งทำขนมอีก 20 ถุง ซึ่งสามารถนำไปขายได้เลยทันที โดยจะอบรมและแนะนำการขายให้ก่อนจนกว่าจะพร้อมที่จะออกไปขายจริง

สำหรับลวดลายการ์ตูนบนขนมแพนเค้ก เราจะมีการสอนให้เขา 1 – 2 วัน บางคนมองว่ามันน่าจะทำยาก แต่จริงๆ แล้วไม่ยากอย่างที่คิด โดยเฉพาะคนที่ชอบวาดรูปยิ่งทำได้ง่ายและสนุกขึ้น คนที่วาดรูปไม่เป็น ตัดปัญหาไปได้เลยว่าจะทำไม่ได้

ผมกล้ารับรอง เพราะแม้ผมจะไม่มีพื้นฐานการวาดรูปมาก่อน แต่ผมก็สามารถทำได้สบาย เราจะสอนเทคนิคให้ว่าจะวาดตรงไหน แล้วฝึกความชำนาญเอาเอง แต่ถ้าวาดเก่งแล้วจะสามารถเพิ่มลวดลายเองได้ นอกเหนือจาก 24 ลายที่เราสอนให้ อย่างตัวผมเองจะสามารถเขียนตัวหนังสือกลับหลังได้ เด็กวัยรุ่นจะชอบมาสั่งให้เขียนเป็นรูปหัวใจ เขียนชื่อบนแพนเค้ก เราจะสามารถเขียนกลับหลังได้ทันที

กลุ่มลูกค้าจริงๆ ส่วนใหญ่ 50 เปอร์เซ็นต์คือ เด็กอนุบาลกับเด็กประถมนี่จะขายดีมาก ส่วนเด็กมัธยมกับเด็กมหาวิทยาลัยขึ้นไปจะมีส่วนน้อย นอกนั้นก็มีผู้ใหญ่ ผู้ปกครองที่ซื้อไปฝากลูกหลาน

สำหรับแพนเค้กทั่วไปจะเป็นกลิ่นวานิลลา เป็นกลิ่นมาตรฐานที่มีอยู่แล้ว แต่ต่อมาผมได้พัฒนามาเป็นกลิ่นโกโก้ กลิ่นสตรอเบอร์รี่ กลิ่นใบเตย เราสามารถทำได้ แล้วบางครั้งก็มีเพิ่มไส้ลูกเกด ไส้แฮม โดยราคาจะคงเท่าเดิม

ตัวการ์ตูนยอดฮิตที่เด็กส่วนใหญ่มักจะซื้อคือ คิตตี้ กับอุลตร้าแมน เด็กส่วนใหญ่จะชอบกันมาก ทำเท่าไรก็ขายหมด เด็กๆ ชอบสั่งแต่ 2 ตัวนี้” วรพลอธิบายขณะทดสอบวาดลวดลายการ์ตูนให้เราดู

ชอบค้าขาย ชอบคุยกับเด็ก ที่สำคัญต้อง ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด อดทน

จะได้รถเข็นและอุปกรณ์ขายทุกอย่างเลย พร้อมแป้งทำขนมอีก 20 ถุง ซึ่งสามารถนำไปขายได้เลยทันที โดยจะอบรมและแนะนำการขายให้ก่อนจนกว่าจะพร้อมที่จะออกไปขายจริง

นายวรพลเล่าต่อว่า ได้เริ่มทำธุรกิจแฟรนไชส์จากการที่ครั้งหนึ่งเป็นพ่อค้าเข็นรถขายแพนเค้กอยู่ตามตลาด ด้วยรูปแบบการ์ตูนที่แปลกใหม่ และพ่อค้าแม่ค้าในย่านนั้นเห็นว่ารายได้ดี ในตอนนั้นมีรายได้ถึงวันละ 1,000 บาท มาขอซื้อแฟรนไชส์โดยที่ตอนนั้นไม่มีความรู้เรื่องแฟรนไชส์ แต่พอดีในช่วงนั้นแฟรนไชส์กำลังบูม มีการจัดงานเกี่ยวกับแฟรนไชส์บ่อย ไปดูงานและนำกลับมาปรับใช้กับอาชีพของตนเอง และบางอย่างก็คิดเองบ้าง

ทั้งนี้ จุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่ธุรกิจแฟรนไชส์ เริ่มจากศูนย์จริง เพราะไม่มีเงินทุน ทำให้ต้องขยายกิจการด้วยการขายแฟรนไชส์ 1 คัน และนำมาเป็นทุนทำคันต่อไป และเมื่อทำสูตรแป้งที่สามารถเก็บได้นาน ทำให้สามารถขยายสาขาไปทั่วประเทศได้ ซึ่งลูกค้าก็มาจากการบอกกันแบบปากต่อปาก และที่รายอื่นยังไม่สามารถทำเป็นแฟรนไชส์ เพราะยังไม่สามารถคิดสูตรแป้งที่เก็บได้เป็นระยะเวลานานได้

ความสำเร็จของคุณวรพล ชี้ให้เห็นว่าแม้ว่าจะเป็นรถเข็นขายขนมเล็ก ก็สามารถพัฒนาสินค้าจนสามารถที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จเป็นธุรกิจเงินล้านในปัจจุบันได้