ธันวาคม 2538 เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ สร้างเมืองหนังขึ้นเป็นครั้งแรกของเมืองไทย ในรูปแบบ Stand Alone Complex ที่เมเจอร์ ปิ่นเกล้า เป็นสาขาแรก พอถึงปี 2547 เมเจอร์ควบรวมกิจการเข้ากับ อีจีวี ทำให้ เมเจอร์ ครองมาร์เก็ตแชร์ในตลาดภาพยนตร์กว่า 70%
มกราคม 2549 เมเจอร์ เปิดแบรนด์ใหม่ พารากอน ซีนีเพล็กซ์ โรงภาพยนตร์ระดับ 6 ดาว อีกหนึ่งปีถัดมา เปิดตัว เอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ ย่านรัชดา
Business Model ของเมเจอร์ คล้ายกับ Spiderman (ใยแมงมุม) โดยมีเมเจอร์อยู่ตรงกลาง ล้อมรอบด้วยโบว์ลิ่ง, Media, Retail, Siam Future, California, Distribution Business และอื่นๆ
เพราะเมเจอร์ ต้องการเป็น Total Entertainment Lifestyle
โรงหนังในเครือเมเจอร์มี 4 แบรนด์ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ จับกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น คนทำงาน และครอบครัว, อีจีวี จับกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น, พารากอน ซีนีเพล็กซ์ เจาะกลุ่มลูกค้าพรีเมียมระดับ B+ ขึ้นไป อาศัยอยู่กลางใจเมือง และ เอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ จับกลุ่มลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่ ชอบเทคโนโลยี และความทันสมัย
สัดส่วนรายได้ของ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป แยกตามแบรนด์ได้เป็น เมเจอร์ 60%, อีจีวี 25-30%, พารากอน ซีนีเพล็กซ์ 10% และเอสพลานาด คาดว่า 6-7%
หากแยก Revenue ของทั้งกรุ๊ป จะแบ่งได้เป็นโรงภาพยนตร์ 60%, Retail 12%, Bowling 10%, Distribution 10% และ Media 8% โดยในปี 2549 เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป มีรายได้รวม 5,110 ล้านบาท กำไรสุทธิ 695 ล้านบาท
ในแง่ของการบริหาร Portfolio Managment เมเจอร์จึงมี Business Model ที่กระจายความเสี่ยงได้ดี เพราะหากช่วงเวลาหนึ่ง Business ไหนอาการไม่สู้ดี ก็มี Business อื่นๆมาช่วยให้ Sustain อย่างไรก็ตาม Core Business ของเมเจอร์ ก็คือโรงหนังวันยังค่ำ