4.0K
1 มีนาคม 2553

ปั้นธุรกิจแฟรนไชส์เอสเอ็มอี

 


เน้น 10 ธุรกิจดาวรุ่งสู่สากล ชี้ร้านอาหาร-สปานำขบวน
   
นายบรรยงค์ ลิ้มประยูรวงศ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ในปี 53 กรมฯ มีแผนการพัฒนาธุรกิจเอสเอ็มอี ใน 10 กลุ่มธุรกิจสำคัญเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันสู่ระดับสากล ได้แก่ การพัฒนาแฟรนไชส์ ธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ร้านอาหารไทย ก่อสร้าง สปา อู่ซ่อมรถยนต์ ค้าปลีก ค้าส่ง สิ่งพิมพ์ และโลจิสติกส์ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจเอสเอ็มอีแข่งขันได้ดีขึ้นตามนโยบายของนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ที่ต้องการให้เอสเอ็มอีเป็นแรงกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ และนายอลงกรณ์ พลบุตร รมช. พาณิชย์ ที่ต้องการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจเอสเอ็มอี

ทั้งนี้ ธุรกิจแฟรนไชส์ ได้ตั้งเป้าหมายพัฒนาคนที่ทำธุรกิจอยู่แล้วให้เข้าสู่ระบบแฟรนไชส์ 20 ราย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการคัดเลือกธุรกิจที่จะร่วมโครงการ 33 ราย เช่น ธุรกิจอาหาร การศึกษา และบริการความงาม ขณะเดียวกันจะพัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ของไทยที่มีอยู่แล้วให้เข้าสู่เกณฑ์มาตรฐานคุณภาพไม่น้อยกว่า 50 ราย ตลอดจนได้เตรียมร่าง กฎหมายแฟรนไชส์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นระบบแฟรนไชส์ของประเทศ ทำให้ธุรกิจแฟรนไชส์ไทยสามารถเติบโตและขยายตัวได้อย่างเข้มแข็ง 

สำหรับแผนส่งเสริมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ มีแผนพัฒนาให้ผู้ประกอบการใช้ การตลาดผ่านระบบไอที เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มช่องทางการตลาดในการทำธุรกิจ โดย กระตุ้นให้ผู้ประกอบการเปิดร้านค้าในเว็บไซต์ www.DBDmart.com จำนวน 450 ราย พัฒนาให้เกิดผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอ นิกส์ใหม่จำนวน 240 ราย และจัดอี-คอมเมิร์ซ คลินิก เพื่อเอสเอ็มอีจำนวน 100 ราย พร้อมกันนี้ จะจัดอบรมอี-เลิร์นนิ่ง ให้ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ การตลาดพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ 800 ราย

นายบรรยงค์ กล่าวว่า การพัฒนาธุรกิจไทยสู่สากล มีแผนที่จะพัฒนาธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจก่อสร้าง สปา และอู่ซ่อมรถยนต์ โดยปีที่ผ่านมา กรมฯ ได้สร้างเกณฑ์มาตรฐานไว้เรียบร้อยแล้ว และปีนี้เปิดโอกาสให้ธุรกิจเหล่านี้เข้ามาฝึกอบรม เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับธุรกิจในการรับมือกับการแข่งขันที่มีมากขึ้น จากที่อาเซียนจะก้าวไปสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี)

ส่วนการพัฒนาธุรกิจสิ่งพิมพ์ กรมฯได้จัดทำโครงการพัฒนาเครือข่ายธุรกิจสิ่งพิมพ์สู่ระดับสากล เพื่อต่อยอดและขยายกลุ่มคลัสเตอร์ธุรกิจสิ่งพิมพ์กับธุรกิจอื่น เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและตลาดร่วมกับกลุ่มธุรกิจ เช่น กลุ่มเครื่องเขียนและเครื่องใช้สำนักงาน กลุ่มเครื่องใช้ในครัวเรือน กลุ่มโลจิสติกส์ และกลุ่มป้ายโฆษณา ซึ่งจะทำให้ธุรกิจสิ่งพิมพ์สามารถเชื่อมโยงไปยังธุรกิจอื่น ๆ และมีโอกาสในการทำธุรกิจมากขึ้น

ด้านธุรกิจค้าปลีก ค้าส่งจะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้แผนพัฒนาระบบบริหารจัดการโลจิสติกส์ธุรกิจค้าปลีก ค้าส่ง โดยพัฒนาร้านค้าส่งไม่น้อยกว่า 7 ราย ให้สามารถลดต้นทุนในการบริหารจัดการคลังสินค้าและการควบคุมปริมาณสินค้าคงคลัง ส่วนร้านค้าปลีกรายย่อย พัฒนาให้เข้าสู่มาตรฐานสากล มีระบบการบริหารจัดการที่ดี รวมทั้งจะช่วยฝึกพนัก งานร้านค้าส่ง ค้าปลีก 

อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากล่าวต่อว่า การสนับสนุนโลจิสติกส์ได้ตั้งเป้าหมายส่งเสริมให้กลุ่มผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย มีการเชื่อมโยงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) เข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อข้อมูล



อ้างอิงจาก เดลินิวส์
 

ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สาขาใหม่ มาแล้ว! ทูลเก..
6,056
PLAY Q by CST bright u..
1,301
มาแล้ว! #งานแฟรนไชส์ ม..
945
อร่อย! เลิศ! รสเด็ด ก๋..
941
สุดปัง! แฟรนไชส์หม่าล่..
790
ลงทุนกับ “ซุปซุป” ร้าน..
769
ข่าว SMEsมาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด