1.2K
6 มิถุนายน 2562
เคแบงก์เปิดตัว KATALYST เดินหน้าติดปีกสตาร์ทอัพไทย สู่ยูนิคอร์นระดับโลก
 
 
 
นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย (กลาง) กรรมการผู้จัดการ นายสุปรีชา ลิมปิกาญจนโกวิท (ซ้าย) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย และนายธนพงษ์ ณ ระนอง (ขวา) กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด ร่วมแถลงข่าวเปิดโครงการ KATALYST เพื่อให้คำแนะนำในการทำธุรกิจ การให้ความรู้ การนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ การขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ และสนับสนุนเงินลงทุนแก่สตาร์ทอัพ เพื่อให้วงการสตาร์ทอัพไทยเติบโตและประสบความสำเร็จ ณ โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ ชั้น 7 สยามสแควร์วัน เมื่อเร็วๆ นี้
 
แบงก์กสิกรไทยหนุนสตาร์ทอัพไทยสุดตัว ล่าสุดเปิดตัวโครงการ KATALYST (แคททะลิสต์) เสริมแกร่งสตาร์ทอัพครบวงจร หวังร่วมสร้างคุณค่าทางธุรกิจ (Co-Creation) ผ่านการแลกเปลี่ยนความรู้ ให้คำปรึกษา และสนับสนุนจากฝ่ายงานธนาคารและพันธมิตร นำมาใช้งานต่อยอดทางธุรกิจ
 
นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารฯ ถือเป็นสถาบันการเงินแห่งแรกๆ ในไทยที่ให้ความสำคัญต่อสตาร์ทอัพไทย โดยได้เริ่มสนับสนุนสตาร์ทอัพไทยด้วยการตั้งกองทุนเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาด้วยวงเงิน 30 ล้านเหรียญสหรัฐ และปัจจุบันอยู่ที่ 135 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้เห็นว่า ปัจจุบันคนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญและสนใจทำธุรกิจด้วยตัวเองกันมากขึ้น ด้วยการเป็นสตาร์ทอัพ และในขณะเดียวกันก็มีนักลงทุนและกองทุนสนใจเข้ามาร่วมลงทุนในสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพทั่วโลกเป็นจำนวนมากเช่นกัน
 
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเคแบงก์พบว่าสตาร์ทอัพไทยส่วนใหญ่ยังไม่สามารถทำให้ธุรกิจเติบโตได้ เพราะยังมีความท้าทายอยู่หลายอย่างในการประกอบธุรกิจเพื่อให้อยู่รอดและเติบโตท่ามกลางการแข่งขันที่สูงได้ โดยเฉพาะสตาร์ทอัพน้องใหม่โอกาสแจ้งเกิดในธุรกิจค่อนข้างเป็นศูนย์ เหตุผลหลักจากผู้เล่นรายเดิมหรือรายใหญ่มีการตื่นตัวและพัฒนาศักยภาพของตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อปกป้องนักธุรกิจรายใหม่แย่งชิงตลาด
 
จากปัญหาเหล่านี้ทางธนาคารกสิกรไทยได้เล็งเห็นถึงปัญหา จึงต้องการให้การสนับสนุนสตาร์ทอัพแบบครบวงจร จึงได้เปิดตัว โครงการ KATALYST (แคททะลิสต์) เพื่อนสนิทสตาร์ทอัพ ที่พร้อมผลักดันให้สตาร์ทอัพไทยแข็งแกร่งรอบด้าน ทั้งเรื่องเงินทุน การตลาด การหาคู่ค้า การบริหารจัดการธุรกิจที่พร้อมเติบโตทั้งใน และต่างประเทศได้
 
“การมุ่งเน้นให้การสนับสนุนสตาร์ทอัพ ถือเป็นอีกหนึ่งนโยบายที่เคแบงก์ให้ความสำคัญ เพราะต้องการนำนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ จากสตาร์ทอัพมาตอบโจทย์ลูกค้า ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตยุคดิจิทัล ซึ่งโครงการ KATALYST เน้นแนวทางความช่วยเหลือสตาร์ทอัพที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจขยายธุรกิจ และมีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจ ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกับกลยุทธ์ของธนาคารหรือลูกค้า พันธมิตรของธนาคาร เพื่อร่วมสร้างจุดเริ่มต้นที่ดีและช่วยยกระดับให้กับสตาร์ทอัพไทย จากปัจจุบันเราพบว่าสตาร์ทอัพไม่ได้ต้องการแค่เพียงเงินทุน แต่องค์ความรู้ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยผลักดันให้ธุรกิจสตาร์ทอัพไปได้ไกล และเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อเป็นยูนิคอร์นในอนาคต” กรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทยกล่าว
 
 
 
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ประเทศไทยมีสตาร์ทอัพที่ลงทะเบียนกับสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กว่า 600 ราย และมีสตาร์ทอัพที่มีผู้สนใจเข้าร่วมลงทุนในปี 2560 จำนวน 31 ราย หรือคิดเป็นวงเงิน 106.10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3,350 ล้านบาท และในปี 2561 มีสตาร์ทอัพที่มีผู้ร่วมลงทุน 35 ราย เป็นเงิน 61.25 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,933 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ลงอย่างเห็นได้ชัด เป็นผลมาจากอัตราการเติบโตของสตาร์ทอัพไทยยังมีน้อย
 
ดังนั้น โครงการ KATALYST ที่ทางเคแบงก์ มั่นใจว่าจะเข้ามาช่วยพัฒนาและต่อยอดสตาร์ทอัพให้มีศักยภาพมากขึ้น สามารถดึงดูดเงินทุนจากทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อยกระดับเป็นสตาร์ทอัพระดับภูมิภาคหรือระดับโลกต่อไปในอนาคต โดยจากการสำรวจข้อมูลของ Forbes และ Statista เกี่ยวกับความล้มเหลวของสตาร์ทอัพ พบว่าไม่มีตลาดรองรับ 42% ขาดเงินลงทุน 29% ขาดทีมงาน 23% ถูกคู่แข่งแซงหน้า 19% ปัญหาการตั้งราคา 18% ผลิตภัณฑ์/บริการไม่ตอบโจทย์ 17% ขาด Business Model ที่ดี 14% และ Marketing ไม่ถึงตลาด 14%
 
ด้านนายสุปรีชา ลิมปิกาญจนโกวิท ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวถึงโครงการ KATALYST ว่า สตาร์ทอัพที่มีคุณภาพถือเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจชาติได้ หากได้รับการสนับสนุนอย่างตรงจุด และตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้ แต่ที่ผ่านมาปัญหาของสตาร์ทอัพทั่วโลก คือ ขาดตลาดรองรับผลิตภัณฑ์หรือบริการ ขาดเงินทุน ขาดทีมงานที่มีคุณภาพ ปัญหาด้านคู่แข่ง การจัดการต้นทุนและราคา คุณภาพผลิตภัณฑ์หรือบริการไม่ตรงความต้องการ ขาดประสบการณ์ในการจัดการธุรกิจและการตลาด ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทางเคแบงก์พร้อมให้การช่วยเหลือผ่านโครงการ KATALYST จากผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าธนาคาร และกลุ่มสตาร์ทอัพ ที่ต้องการขยายธุรกิจ โดยไม่จำกัดกลุ่มอุตสาหกรรม
 
“ที่ผ่านมาเคแบงก์อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของสตาร์ทอัพหลายราย ทำให้ทางกสิกรไทยมั่นใจว่าโมเดลการทำงานกับสตาร์ทอัพเดินมาถูกทาง และโครงการ KATALYST จะเข้ามาช่วยเติมเต็มทำให้สตาร์ทอัพไทยประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งทางธนาคารเชื่อว่าทีมงานที่แข็งแกร่งเป็นสิ่งสำคัญที่สตาร์ทอัพไทยต้องมี และเราก็สามารถตอบโจทย์เหล่านี้ได้ด้วยการจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ กับ บริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด บริษัทเงินร่วมลงทุนของธนาคารกสิกรไทย, บริษัท เบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ จำกัด ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย และเมืองไทยประกันชีวิต ที่เข้ามาร่วมโครงการนี้” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทยกล่าว
 
ทั้งนี้ สตาร์ทอัพที่เข้าร่วมโครงการ KATALYST จะได้รับโอกาสเข้าร่วมทำแคมเปญกับทางธนาคารที่มีฐานลูกค้ากว่า 14.5 ล้านราย โอกาสขยายเงินทุนผ่านบริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด บริษัทเงินร่วมลงทุนของธนาคารกสิกรไทย และขยายฐานธุรกิจในต่างประเทศผ่านบริษัท เควิชั่น จำกัด บริษัทด้านการลงทุนสตาร์ทอัพและแสวงหานวัตกรรมในระดับภูมิภาคของธนาคารกสิกรไทย โอกาสในการหาโซลูชันด้านการชำระเงินร่วมกัน และยังได้ทดลองเทคโนโลยีใหม่ๆ จากทางธนาคาร และกสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG)
 
นายธนพงษ์ ณ ระนอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด เปิดเผยว่า บีคอน วีซี บริษัทเงินร่วมลงทุนของธนาคารกสิกรไทย พร้อมลงทุนในสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพในการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางการเงินและเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ ที่สอดคล้องและสามารถรองรับแผนยุทธศาสตร์ของธนาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยตั้งเป้าร่วมลงทุนกับสตาร์ทอัพในโครงการ KATALYST ปีละประมาณ 2-3 ราย แต่หากมีจำนวนสตาร์ทอัพที่สนใจให้ร่วมลงทุนก็พร้อมให้การสนับสนุนเพิ่มเติมจากเงินลงทุนที่มีเพียงพอ โดยปัจจุบันได้ทำการลงทุนไปแล้วทั้งหมด 7 บริษัท เช่น FlowAccount, Ookbee, Eventpop, Grab, InstaReM, Jitta เป็นต้น
 
“ในฐานะที่บริษัทฯ เป็นบริษัทร่วมลงทุนกับธนาคารกสิกรไทย เห็นศักยภาพของสตาร์ทอัพไทยที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ที่ผันตัวมาเป็นสตาร์ทอัพ ทำให้เห็นนวัตกรรมและโซลูชันใหม่ๆ ที่ช่วยสร้างความสะดวกสบายให้แก่คนในสังคม และมีโอกาสทางการตลาดสูง ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่มีโครงการ KATALYST เกิดขึ้น เชื่อว่าจะทำให้มีสตาร์ทอัพหน้าใหม่เกิดขึ้นในไทยอีกเป็นจำนวนมาก และมีศักยภาพพร้อมแข่งขันบนเวทีโลก” กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด กล่าว
 
อ้างอิงจาก : MGROnline.com
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สาขาใหม่ มาแล้ว! ทูลเก..
6,325
PLAY Q by CST bright u..
1,346
มาแล้ว! #งานแฟรนไชส์ ม..
953
อร่อย! เลิศ! รสเด็ด ก๋..
950
สุดปัง! แฟรนไชส์หม่าล่..
800
ลงทุนกับ “ซุปซุป” ร้าน..
770
ข่าว SMEsมาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด